ศักดิ์ศรีของมุสลิม
  จำนวนคนเข้าชม  3507


ศักดิ์ศรีของมุสลิม

 

โดย เชคอาลี อีซา ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ

 

         จงพิจารณาผู้ที่อยู่รอบๆ ตัวของท่าน บางทีท่านจะเห็นคนร่างกายแข็งแรง สามารถทำงานได้ ถึงกระนั้นเขาก็ยังยื่นมือขอทาน และไม่รู้สึกกระดากอายในการใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยการขอทาน และท่านจะพบว่าเด็กหนุ่มบางคน พ่อแม่ทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ให้มากมาย แต่เขาก็ชอบที่จะมีชีวิตอยู่อย่างเกียจคร้าน ไม่ยอมทำงาน และอบอุ่นใจอยู่กับทรัพย์ที่พ่อแม้ทิ้งเอาไว้ให้

 

         แต่ในขณะเดียวกัน ท่านจะพบชายหนุ่มที่ต่อสู้ดิ้นรน ขยันหมั่นเพียร เพื่อให้ได้มาซึ่งเครื่องยังชีพ และหากินด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชายหนุ่มผู้ต่อสู้ดิ้นรนหากินด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเองนั้น ย่อมดีกว่าคนอื่นๆ ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด เพราะอาหารที่ประเสริฐยิ่งนั้นคืออาหารที่เป็นผลเนื่องมาจากการทำงานและความพยายามของเขา

 

          อิสลามพยายามที่จะปลุกจิตสำนึกของผู้ดำเนินตามให้มีวิญญาณของการปฏิบัติงานและการขวนขวายต่อสู้ดิ้นรน อิสลามยังสู้รบกับความเฉื่อยชาและสาเหตุของการว่างงานอีกด้วย

 

          ฮะดิษต่อไปนี้จะยืนยันในความหมายข้างต้น และให้ความกระจ่างแจ้งยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพราะเป็นฮะดิษที่ได้ประมวลไว้ซึ่งการให้เกียรติแก่การทำงาน และแก่ผู้ปฏิบัติงานนั้นๆ มีรายงานจากท่าน อัซซุบัยร์ อิบนิ้ลเอาวาม ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ แจ้งว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

 

     “การที่คนใดในหมู่พวกท่านไปยังภูเขา แล้วกลับมาพร้อมกับแบกฟืนมามัดหนึ่ง โดยนำเอามันมาขายเรา

     อัลลอฮฺก็จะทรงปกปิดหน้าเขาด้วยกับมัน(หมายถึง ด้วยการกระทำดังกล่าว)นั้น ย่อมเป็นการดีสำหรับเขา

     ยิ่งกว่าการเที่ยวแบมือขอจากผู้อื่น ซึ่งเขาเหล่านั้นอาจจะให้หรือไม่ให้ก็ได้

(บันทึกโดย อิมามอัลบุคอรีย์ และมุสลิม)

 

          ในฮะดิษนี้มีบทเรียนภาคปฏิบัติ ซึ่งท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สอนเราถึงวิธีการที่จะรักษาศักดิ์ศรีของเรา และรักษาหน้าของเราให้พ้นจากความต่ำต้อยจากการขอทาน

 

          ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ชี้แจงแนะนำแก่เราถึงความประเสริฐของชายคนที่นำเอาเชือกเดินออกตามทะเลทราย เพื่อหาฟืนแล้วนำมาขาย แล้วนำเงินนั้นมาเลี้ยงชีพ เขาผู้นั้นจะใช้เวลาของเขาไปวันหนึ่งๆ อย่างมีเกียรติ โดยไม่ต้องแบมือขอทาน

 

          ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้แจ้งให้ทราบอีกว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการดีแก่เขายิ่งไปกว่าที่จะไปแบมือของคนอื่นๆ ซึ่งบางคนก็อาจจะให้หรือจะไม่ให้อะไรเลยก็ได้

 

          การออกไปหาฟืนเป็นวิธีการง่ายๆ ซึ่งท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ต้องการที่จะสอนประชาชาติของท่านให้เปิดหูเปิดตา และใช้สติปัญญาของเขาเหล่านั้น โดยที่ทุกคนจะต้องคิดหาวิถีทางที่ดี ที่สุจริตสะอาดบริสุทธิ์ ซึ่งเขาสามารถจะบุกเบิกหนทางในการดำเนินชีวิต ทุกๆ การงานที่ดีที่สุจริต ย่อมจะสามารถสะสมนำไปเป็นค่าครองชีพแก่มนุษย์ได้ ไม่ว่าจะเป็นงานประเภทใด สมควรที่เราจะให้คุณค่า และให้เกียรติ

 

         ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สอนให้เราทราบว่า ชีวิตนั้นคือการต่อสู้และการปฏิบัติงาน ฉะนั้น ศักดิ์ศรีของมุสลิมจึงอยู่ที่การทำงานและความขยันหมั่นเพียร การปฏิบัติงานเป็นมาตรวัดความรุ่งเรืองและความก้าวหน้าของประชาชาติต่างๆ ดังนั้น ประชาชาติที่ปฏิบัติงานจึงเป็นประชาชาติที่เจริญก้าวหน้า

 

          จำเป็นที่คนเราต้องทำงาน และรู้จักคุณค่าของการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นในทางศาสนาหรือทางโลก ถ้าไม่ทำงานกันอย่างจริงจังแล้ว เราก็จะไม่มีความแข็งแกร่งหรือความก้าวหน้าเลย

 

     ครั้งหนึ่ง ท่านอุมัร อิบนุ้ลคอฏฏ็อบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เดินผ่านขายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างทาง พลางวิงวอนว่า โอ้ อัลลอฮฺ ขอพระองค์ประทานปัจจัยยังชีพแก่ฉันด้วยเถิด” 

     ท่านอุมัรกล่าวว่าคนหนึ่งใน พวกท่านจะมัวแต่นั่งขอริสกี (ปัจจัยยังชีพ) แล้วพูดว่า โอ้ อัลลอฮฺ โปรดประทานปัจจัยยังชีพให้แก่ฉันด้วยเถิด โดยไม่ได้ทำอะไร อย่างนั้นไม่ได้ ! ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ดีว่า ฟ้านั้นมิได้ให้ฝนตกลงมาเป็นทองคำหรือเงิน หากแต่อัลลอฮฺจะประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้คนทั้งหลายซึ่งกันและกัน

 

ท่านอุมัรผู้นี้แหละที่พูดว่า

 

     “ฉันอาจะจะนิยมชมชอบชายคนหนึ่งในรูปร่างหน้าตาของเขาแต่เมื่อเขาบอกว่า ไม่ทำงานทำการอะไร คนๆ นั้นย่อมไม่มีความหมายสำหรับฉันเลย

 

          ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงเอ็นดูเมตตาท่านอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ด้วยเถิดและขออัลลอฮฺ ได้ทรงให้พวกเราได้เข้าใจศาสนาอิสลามอย่างถ่องแท้ อย่างที่ท่านเข้าใจด้วยเถิด

 

 

 

ที่มา : วารสารสายสัมพันธ์