เชือดกุรบานในวันอีด
  จำนวนคนเข้าชม  12517


เชือดกุรบานในวันอีด

 

คุตบะฮฺอีดิลอัฎฮา โดย อาจารย์ มุฮัมมัด

 

          ท่านพี่น้องมุสลิมที่รักทุกท่าน พึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด เพราะการยำเกรงอัลลอฮฺนั้นเป็นเสบียงที่ดียิ่งสำหรับเรา ท่านทั้งหลาย ทั้งในโลกนี้และโลกอาคิเราะฮฺ

 

          ท่านพี่น้อง วันนี้เป็นวันสำคัญยิ่งในศาสนาอิสลาม เป็นวันที่พี่น้องมุสลิมเราบางส่วนกำลังขะมักเขม่นอยู่กับการทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺที่มักกะฮฺ ส่วนคนที่ไม่ได้เดินทางไปทำฮัจญ์ที่มักกะฮฺ ก็มีซุนนะฮฺต่างๆ ที่ศาสนาส่งเสริมให้กระทำ เช่น การละหมาดอีดที่เราได้ละหมาดกันไปแล้ว และในวันนี้ศาสนายังส่งเสริมให้เราทำกุรบาน

 

          ท่านพี่น้อง การทำกุรบานั้น อุละมาอฺส่วนใหญ่มีความเห็นว่าเป็นซุนนะฮฺ และเป็นการกระทำที่อัลลอฮฺทรงโปรดปรานยิ่งในวันอีด ดังที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

 

     “ไม่มีงานใดที่มนุษย์ทำในวันอีด จะเป็นที่รักสำหรับอัลลอฮฺยิ่งไปกว่าการเชือดกุรบาน

     แท้จริง สัตว์ที่เชือดกุรบาน ในวันกิยามะฮฺมันจะมาพร้อมกับเขาของมัน เล็บของมันและขนของมัน

     และเลือดที่ไหลออกมาขณะเชือดจะตก อัลลอฮฺก่อนที่มันจะตกถึงพื้นดิน ดังนั้น พวกท่านทั้งหลายจงทำใจให้ดี

(บันทึกโดย อิบนุมาญะฮฺ)

 

          ท่านพี่น้องจากฮะดิษนี้บอกให้เรารู้ว่า เมื่อเราทำกุรบานนั้น เราจะต้องทำใจให้ดี มีความบริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮฺเพียงองค์เดียว และเราจะต้องไม่มีความเสียหาย อย่าคิดว่าเราซื้อวัวตัวละสองสามหมื่น พอทำแล้วได้เนื้อไม่กี่สิบโล คิดแล้วเนื้อโลละสี่ห้าร้อยบาท ถ้าเราเอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อเนื้อที่ตลาดยังได้เนื้อมากกว่ากันมากมาย อย่าได้คิดเช่นนั้นเลย เพราะการที่เราทำกุรบานนั้น อัลลอฮฺได้ให้ผลบุญแก่เรามากมาย 

 

          ดังที่ท่านนบี  ได้บอกแล้ว่าในวันกิยามะฮฺเราจะได้รับผลบุญอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ แม้กระทั่งเขาของมัน เล็บของมัน และขนทุกเส้นของมัน ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นของที่แทบจะไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรแก่เราเลย เขาของมันมีใครเอาไปทำอะไร? แทบจะไม่มีใครมอง นอกจากเขาสวยๆ ก็อาจจะเอาไปประดับบ้าน หรือถ้าเป็นเมื่อก่อนก็อาจจะมีช่างไม้เอาไปทำด้ามมีด เล็บมีใครเอาไปทำอะไรบ้าง? มีแต่ทำให้เราต้องเหนื่อย ต้องเผามันแล้วก็เคาะมันออก ขนก็แทบจะไม่ได้ใช้ประโยชน์เลย แต่สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะมาเป็นผลบุญให้เราอย่างปิติยินดีทั้งสองฝ่าย ย่อมต้องได้รับผลบุญอย่างมากมาย และท่านนบี  ยังได้ตำหนิคนที่มีความสามารถที่จะทำกุรบานแต่ไม่ยอมทำว่า

 

          มีรายงานจากอบีฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

 “ใครที่มีความสามารถทำกุรบาน แต่เขาไม่ทำ เขาอย่าได้เข้าใกล้ที่ละหมาดของฉัน

(บันทึกโดย อิบนุมาญะฮฺ)

 

          ท่านพี่น้อง กุรบานนั้นเมื่อเราได้เชือดไปแล้ว เราต้องยอมรับว่าสัตว์ตัวนั้นได้เป็นของอัลลอฮฺแล้ว เราได้ถวายแด่พระองค์แล้ว ฉะนั้น ขั้นตอนต่อไปเราต้องดูว่าศาสนาได้กำหนดไว้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเราจะทำตามใจเรา

 

          อุละมาอฺส่วนใหญ่มีความเห็นว่า เนื้อกุรบานนั้นให้เราแบ่งเป็นสามส่วน ให้คนทำเก็บไว้กินหนึ่งส่วน ให้แจกญาติพี่น้องใกล้ชิดหนึ่งส่วน และให้แจกคนยากจนหนึ่งส่วน ฉะนั้น เมื่อเราแบ่งก็ขอให้เราแบ่งให้ดี ให้เหมือนๆ กัน ไม่ใช่ว่าของเราเอาเนื้อดีๆ เนื้อสันอย่างดี ส่วนของคนยากจนก็ให้แต่เนื้อติดเอ็น หรือเนื้อพื้นท้อง อย่างนี้ไม่ได้ เราอย่าลืมนี่เป็นอะมานะฮฺ ที่อัลลอฮฺฝากให้เราดูแลจัดการให้เรียบร้อย ฉะนั้น ก็ขอให้เราดูแลตรงนี้ให้ดี ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

 

ไม่มีอีมานสำหรับผู้ที่ไม่มีอมานะฮฺ และไม่มีศาสนาสำหรับผู้ที่ไม่รักษาสัญญา

(บันทึกโดย อิมาม อะฮฺมัด)

 

          ฉะนั้น เมื่อเราทำกุรบาน ก็ขอให้เราตั้งใจให้ดี ทำใจให้สบาย อย่าคิดเสียดายโน่นเสียดายนี่ เพราะมันจะทำให้สิ่งที่เราลงทุนไปสองสามหมื่นนั้นไร้ประโยชน์ ไม่ได้รับผลบุญในวันกิยามะฮฺ และขอให้พวกเราทุกคนให้ความสำคัญในส่วนของคนยากจนด้วย บางครั้งเนื้อโลครึ่งโล อาจจะไม่มีค่าสำหรับคนบางคน แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งในปีหนึ่ง เขาอาจจะไม่เคยซื้อเนื้อกินเลยก็ได้ จะได้กินเนื้อสักทีก็ต้องรอกินตามบ้านบุญ นั่นก็เป็นเนื้อที่ปรุงอาหารมาเรียบร้อยแล้ว เขาอาจจะไม่เคยลิ้มรสเนื้อคลุกน้ำปลาทอด หรือ เนื้อต้มตะไคร้ก็ได้

 

          ท่านพี่น้อง กุรบานนั้น เราสามารถเชื่อได้ตั้งแต่หลังละหมาด และคุตบะฮฺวันอีดแล้ว และไปหมดเวลาเมื่อหมดวันตัชรีกวันที่สาม ส่วนเวลาที่ประเสริฐที่สุดที่ดีที่สุด ก็คือ หลังละหมาดอีด และคุตบะฮฺแล้ว ไปจนกระทั่งก่อนเข้าเวลาละหมาด ซุฮฺริ ในวันอีดที่ดีแล้ว เราควรเชือดด้วยตัวเราเอง หากเราสามารถเชือดเองได้ และในขณะเชือดนั้น ให้เรากล่าวว่าบิสมิลลาฮฺ อัลลอฮุอักบัรและให้ขอดุอาอฺ ..... ส่วนการกล่าวตักบีรนั้นเป็นสิ่งที่ชอบให้กระทำไม่ใช่วาญิบ

 

          ท่านพี่น้อง เมื่อเราทำกุรบานก็ขอให้เราเลือกสัตว์ที่ดี อ้วนท้วมสมบูรณ์ดี ไม่มีตำหนิไม่มีโรค ถ้าเป็นวัวหรือควายก็มีอายุครบ 2 ปี ถ้าเป็นแพะก็มีอายุครบ 1 ปี ส่วนแกะถ้าอ้วนสมบูรณ์ดีเมื่ออายุครบ 6 เดือน ก็ใช้ได้แล้ว

 

          ท่านพี่น้อง การตักบีรในวันอีดนั้น เป็นซุนนะฮฺประการหนึ่ง ฉะนั้น เราควรประดับประดาวันอีดด้วยการตักบีร อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัลบะกอเราะฮฺ อายะฮฺที่ 203 ว่า

 

และพวกเจ้าจงรำลึกถึงอัลลอฮฺ ในบรรดาวันซึ่งได้ถูกกำหนดไว้

 

          นักตัฟซีรได้กล่าวว่า วันที่ได้กำหนดไว้เหล่านี้ คือ วันตัชรีก ส่วนคำว่า รำลึกถึงอัลลอฮฺ ก็คือ การกล่าวตักบีร 

          การตักบีรวันอีด อีดิลอัฎฮานั้น ให้เริ่มตักบีรตั้งแต่ละหมาดศุบฮฺ ของวันที่ 9 วันอะรอฟะฮฺ ไปจนกระทั่งละหมาดอัศรฺ วันที่ 13 คือวันตัชรีกวันสุดท้าย การตักบีรนั้นตักบีรได้ทุกเวลา และสถานที่ ที่โอกาสอำนวย ไม่จำกัดเฉพาะทุกๆ หลังละหมาดฟัรฎู คำกล่าวตักบีรนั้น มีหลายแบบ เช่น

อัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮุวัลลอฮุอักบัร วะลิ้ลลาฮิลฮัม

หรือจะกล่าวสามครั้งก็ได้เช่น

อัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮุ วัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร วะลิลลาฮิลฮัม

 

          ท่านพี่น้อง วันอีดเป็นสัญลักษณ์อันสำคัญประการหนึ่งของศาสนาอิสลาม และเป็นโอกาสแห่ง การรื่นเริงบันเทิงใจของพวกเรา ที่นับถือศาสนาอิสลาม เราควรไปเยี่ยมเยียน บิดา มารดา ครู อาจารย์ พี่ป้า น้าอา ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิทมิตรสหาย และเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงและให้ศีล ให้พรซึ่งกันและกันโดยใช้คำอวยพรดังนี้

 

ตะกอบบะลัลลอฮุมินนาวะมินกุม

ขออัลลอฮฺทรงรับการงานที่ดีจากเรา และจากท่านทั้งหลายด้วยเถิด

 

          ท่านพี่น้อง วันอีดนั้น เป็นวันแห่งการทำความดี ฉะนั้นก็ขอให้พวกเราพยายามทำความดีให้มากๆ ขอดุอาอฺต่อพระองค์อัลลอฮฺให้มากๆ และขออภัยโทษต่อพระองค์ให้มากๆ ควรให้มีการเลี้ยงอาหารกันบ้างตามสมควร สำหรับผู้มั่งมีก็ควรบริจาคทรัพย์เกื้อกูลเด็กกำพร้า หญิงหม้ายที่ขาดผู้อุปการะ และตกอยู่ในฐานะฝืดเคืองในการครองชีพ ตลอดจนคนยากจน คนมีหนี้สินโดยไม่มีทางจะปลดเปลื้องหนี้สินเหล่านั้นให้หลุดพ้นไปได้ ดังที่พระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสว่า

     “และพวกเขาให้อาหารเนื่องด้วยความรักต่อพระองค์แก่คนยากจน เด็กกำพร้าและเชลยศึก

     (พวกเขากล่าวว่า) แท้จริง เราให้อาหารแก่พวกท่านโดยหวังความโปรดปรานของอัลลอฮฺ

     เรามิได้หวังการตอบแทน และการขอบคุณจากพวกท่านแต่ประการใด

     แท้จริง เรากลัวต่อพระเจ้าของเรา ซึ่งเป็นวันแห่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างแสนสาหัส

(อัลอินซาน 76 : 8-10)

 

          ท่านพี่น้อง วันนี้เป็นวันแห่งการเยี่ยมเยียนกัน พบปะสังสรรค์กัน ให้สลามจับมือกัน พูดคุยกัน ก็ขอให้พวกเราทุกคนหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เพราะการที่เราคุยกันด้วยใบหน้าที่ ยิ้มแย้มนั้น เป็นความดี ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

 

     “ท่านอย่าดูถูก หรือมองข้ามความดีเล็กๆ น้อย แม้เพียงท่านแสดงสีหน้ายิ้มแย้มต่อพี่น้องของท่านก็เป็นความดีแล้ว

(บันทึกโดย อัตติรมิซีย์)

 

          ท่านพี่น้อง วันนี้เป็นโอกาสอันดีที่เราจะให้อภัยต่อพี่น้องของเรา ใครที่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกันก็ขอให้อภัยกัน ใครที่โกรธกันหันหลังให้กัน วันนี้ก็ขอให้หันหน้าเข้าหากัน มาให้สลามกัน จับมือกัน ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

 

     “ท่านทั้งหลาย จงอย่าอิจฉาริษยากัน จงอย่าขายโก่งราคากัน จงอย่าโกรธกัน จงอย่าหันหลังให้กัน บางคนในหมู่พวกท่าน จงอย่าขายตัดราคาอีกบางคน แต่พวกท่านจงเป็นบ่าวของอัลลอฮฺอย่างฉันท์พี่น้อง

     มุสลิมนั้นเป็นพี่น้องของมุสลิม เขาจะต้องไม่ข่มเหงรังแกพี่น้องของเขา ไม่นิ่งดูดายพี่น้องของเขา ไม่โกหกต่อพี่น้องของเขา ไม่เหยียดหยามพี่น้องของเขา

     ความตักวาอยู่ตรงนี้ ท่านชี้ไปที่หน้าอกของท่านถึง 3 ครั้ง เป็นความชั่วช้าพอแล้ว สำหรับคนหนึ่งที่เขาเหยียดหยามพี่น้องของเขาที่เป็นมุสลิม ทุกสิ่งของมุสลิมต่อมุสลิมนั้นเป็นสิ่งที่ต้องห้าม ไม่ว่าจะเป็นเลือด ทรัพย์สิน และเกียรติของเขา

(บันทึกโดยมุสลิม)

 

          ท่านพี่น้อง วันนี้เป็นวันรื่นเริง เป็นวันที่เราไปบ้านใครก็จะมีอาหารเลี้ยงกันอย่างเต็มที่ ก็ขอให้เรากิน เราดื่มกันตามหลักการของศาสนาอิสลาม ขอให้เรากินเนื้อกุรบาน และกินอาหารที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับวันอีดก็พอแล้ว อย่าได้ไปกินช้าง ไปกินน้ำเปลี่ยนนิสัยนะครับ

 

 

ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปี โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร ปี 2552