ท่านอุมมุ อิมาเราะห์ (นักรบสตรี)
  จำนวนคนเข้าชม  27685

 

ท่านอุมมุ อิมาเราะห์


× นักรบสตรีในอิสลาม ×

           เราขอเสนอประวัติของนักรบสตรีที่ถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์อย่างน่าภาคภูมิใจยิ่งท่านจะได้รับฟังประวัติของสตรีมุสลิมที่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ ในสมัยของท่าน นางคือ อุมมิ อิมาเราะห์ มีนามเดิมว่า นะซีบะห์ บินติ กะอับ อัลอันซอรียะห์ นางเป็นชาวนครอัลมะดีนะห์

          นะซีบะห์ และ ซัยดฺ อิบนุฮาซิม ผู้เป็นสามีกับบุตรชายอีกสองคนคือ ฮะบี๊บ และ อับดุลลอฮ์ ได้เข้ารับ นับถือศาสนาอิสลามก่อนที่ท่านนบีมุฮัมมัด จะอพยพจากนครมักกะห์ ไปยังนครมะดีนะห์ และนาซีบะห์ได้ร่วมไปกับคณะผู้แทนชาวมะดีนะห์ เมื่อคราวไปประกอบพิธีฮัจญ์ด้วยผู้หนึ่ง ที่มักกะห์นางได้มีโอกาสพบกับ ท่านรอซูลุลลอฮ์ นางมีความซาบซึ้งใน คำเรียกร้องของท่านนบีแล้วเกิดศรัทธา จึงได้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม และได้ร่วมให้สัตยาบันไว้ กับท่านรอซูลุลลอฮ์ เมื่อกลับมาถึงนครอัลมะดีนะห์ นางก็เริ่มทำหน้าที่เรียกร้องสตรีชาวมะดีนะห์ให้มาสู่อิสลาม นางได้ตระเวณไปตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อสอนสัจจธรรมแห่งอิสลาม จึงนับได้ว่านางเป็นสตรีนักเผยแพร่อิสลามที่สำคัญผู้หนึ่ง
          
          นะซีบะห์ ให้รู้สึกยินดีเป็นที่สุด เมื่อได้ทราบว่าท่านรอซูลุลลอฮ์ จะอพยพ มายังนครมะดีนะห์ เพราะนางจะได้เห็นและฟังคำประกาศแห่งสัจธรรมจากท่านรอซูลุลลอฮ์ ทุกวันอย่างใกล้ชิด

          เมื่อคราวสงครามอุฮุด นะซีบะห์ได้ทราบข่าวว่าพวกกุฟฟารมักกะห์ ยกกองทัพจะมาตีนครมะดีนะห์ นางจึงพูดกับสามีและบุตรทั้งสองว่า :

          บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องออกรบเพื่อป้องกันศาสนาของอัลเลาะห์ไว้
  
สามีของนางก็ยอมรับว่า :

          ใช่แล้ว นะซีบะห์เอ๋ย ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลุกขึ้นจับอาวุธเพื่อป้องกันศาสนาของอัลเลาะห์  เธอช่วยตระเตรียมอาวุธของฉันไว้ให้ด้วย 

ฝ่ายบุตรทั้งสองคือ ฮะบี๊บ และ อับดุลเลาะห์ ก็พูดขึ้นว่า :

          ครับ คุณแม่ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทำการญิฮาด(ต่อสู้) เพื่อป้องกันศาสนาของอัลเลาะห์ คุณแม่ช่วยจัดหาอาวุธของลูกเตรียมไว้ให้พร้อมด้วย

นะซีบะฮฺจึงพูดขึ้นว่า :

          ฉันได้เตรียมอาวุธของเธอและลูกๆพร้อมทั้งของฉันไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะการญิฮาด เป็นฟัรฎูหน้าที่เหนือมุสลิมทุกคนทั้งชายและหญิง

          ขณะที่การรบเริ่มที่ภูเขาอุฮุด ระหว่างทหารมุสลิมีนกับศัตรูกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือดอยู่นั้น นะซีบะห์จะวิ่งวุ่นอยู่กับการแบกภาชนะใส่น้ำรินให้ทหารมุสลิมีนที่กระหายน้ำและช่วยพยาบาล ทหารที่บาดเจ็บ พลางปากก็เปล่งเสียงปลุกใจให้ฝ่ายมุสลิมีนยืนหยัดต่อสู้ศัตรูต่อไป การรบทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ศัตรูกำลังได้เปรียบ ฝ่ายมุสลิมีนต้องถอยร่นคุมกระบวนไม่ติด มีท่านรอซูลุลลอฮ์ กับสาวกส่วนน้อยเท่านั้นที่ยืนหยัดต่อสู้อยู่กับฝ่ายมุชริก ศัตรูได้เห็นโอกาสซึ่งรอคอยมานานมาถึงแล้ว จึงเร่งจะสังหารท่านรอซูลุลลอฮฺเสีย ดังนั้น ทหารฝ่าย มุชริกีนหมู่หนึ่งได้มุ่งตรงมายังท่านรอซูลุลลอฮ์ หมายจะสังหารเสียให้ได้

           เมื่อนะซีบะห์เหลือบเห็น ท่านรอซูลุลลอฮ์ ยืนหยัดต่อสู้อยู่ท่ามกลางหมู่ศัตรู ผู้มุ่งร้ายอย่างห้าวหาญเด็ดเดี่ยว เห็นดาบของศัตรูกวัดแกว่งฉวัดเฉวียนอยู่รอบตัว ท่านรอซูลุลลอฮ์ เห็นลูกศรลูกธนูพุ่งมาสู่ท่านรอซูลุลลอฮ์ อยู่รอบทิศ นะซีบะฮ์เห็นเข้าเช่นนั้นจึงร้องขึ้นสุดเสียงว่า :

           โอ้ ช่วยท่านมูฮัมมัดด้วย

           พลางนางก็คว้าดาบกำมั่นไว้ในมือหนึ่ง อีกมือหนึ่งฉวยธนูพาดบ่าบุกฝ่าเข้าไปในแนวรบ มือที่ถือดาบ ก็ฝ่าฟันศัตรูที่มุ่งหน้าไปยังท่านรอซูลุลลอฮ์ เมื่ออยู่ห่างออกมาก็ใช้ธนูยิงสู้ศัตรูกลับไป นางต่อสู้ป้องกันท่านรอซูลุลลอฮ์ ไว้ด้วยความสามารถ

          พวกมุชริกีนต้องประสบกับความยุ่งยากลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องมาพบกับ นักรบสตรีที่ห้าวหาญเช่นนี้เข้า จึงมุ่งเข้าหานางเพื่อจะสังหารเสีย จนนางต้องเพลี่ยงพล้ำแก่ศัตรู ถูกดาบฟันที่บ่าเลือดไหลโทรมกาย สิ้นสติล้มลง

          เมื่อการรบสิ้นสุดลงแล้ว ทหารฝ่ายมุสลิมีนก็ทยอยกลับมาสู่ท่านรอซูลุลลอฮ์ และช่วยตรวจดูพรรคพวกที่บาดเจ็บและล้มตายก็พบ นะซีบะห์นอนหายใจระรวยอยู่ เลือดที่บาดแผล ยังไหลซึม จึงมีเสียงกระซิบว่า :

          นะซีบะห์เอ๋ย เธอเป็นอย่างไรบ้าง เธอถูกอาวุธบาดเจ็บที่ตรงไหนบ้าง?

นางกลับย้อนถามว่า :

          ช่วยบอกข่าวคราวของท่านรอซูลลุลลอฮ์ให้ฉันฟังด้วย อัลลอฮฺได้คุ้มครองท่านให้พ้นจากดาบ ของศัตรูและท่านปลอดภัยแล้วใช่ไหม?

ท่านผู้นั้นตอบว่า :

           ใช่แล้ว พระองค์อัลเลาะห์ได้ทรงคุ้มครองท่านรอซูลุลลอฮ์ให้รอดพ้นจากศัตรู และท่านปลอดภัยแล้ว
  
นางจึงกล่าวขอร้องว่า ::

          ช่วยพยุงฉันให้ไปเห็นท่านรอซูลุลลอฮ์ ด้วยตาของฉันด้วยเถิด 
 
เสียงนั้นก็ถามว่า :

         เธอไม่ถามถึง ซัยดฺผู้เป็นสามีกับลูกชายทั้งสอง คือ ฮะบี๊บ กับ อับดุลเลาะห์บ้างหรือ?
  
นางก็ตอบว่า :

          อย่าเพิ่งเล่าอะไรให้ฉันฟัง นอกจากข่าวของท่านรอซูลลุลลอฮ์เท่านั้น 

ท่านรอซูลุลลอฮ์ ได้สรรเสริญชมเชย นะซีบะฮ์ ไว้ว่า :

          ไม่ว่าท่านจะเหลียวไปทางใดก็พบแต่ นะซีบะฮ์คอยรบพุ่งป้องกันท่านไว้ ไม่ว่าจะผินไปข้างหน้า ทางขวาหรือทางซ้ายก็เห็นนางอยู่ในทิศนั้น เมื่อเหลือบไปมองนางครั้งใดต้องเห็นนางไม่ฟาดฟันด้วยดาบ ก็ใช้ธนูยิงข้าศึกอยู่อุตลุด "

         ท่านรอซูลุลลอฮ์ ได้เห็นการสู้รบ ด้วยความห้าวหาญของนะซีบะฮ์ ท่านถึงกับอุทานด้วยความยกย่องและประทับใจต่อหน้านางว่า :

           มีใครอีกบ้างไหมที่อดทนสามารถอย่างเธอ

       แม้บาดแผลที่บ่าของนางจะหายดีแล้ว แต่รอยแผลเป็นยังฝังลึกอยู่บนบ่าของนางเป็นรอยจารึกติด ประจำตัวนางอยู่ตลอดชีวิต ซึ่งนางมักจะเผยให้หมู่สตรีมุสลิมด้วยกันดูเมื่อพูดคุย ถามนางถึงเหตุการณ์ต่างๆในสงครามอุฮุด

           กาลเวลาผ่านไป พร้อมกับท่านรอซูลุลลอฮ์ ได้จากไปสู่พระผู้เป็นเจ้าของท่าน แล้วท่านอบู บักรฺ ก็ได้สืบตำแหน่งคอลีฟะห์แทน ส่วนที่แผ่นดิน อัลยะมามะห์ มุซัยละมะห์ อัลกัซซาบจอมโกหกได้อ้างตนขึ้นเป็นนบี ท่านคอลีฟะห์อบูบักรฺ จึงได้จัดทัพส่งไปปราบปราม นะซีบะห์ก็ได้กล่าวขึ้นอย่างที่เมื่อหลายปีมาแล้ว เธอเคยกล่าวไว้ว่า :

          บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องจับอาวุธเพื่อป้องกันศาสนาของอัลลอฮฺ 
  
ฮะบี๊บ บินซัยดฺ บุตรของนางจึงกล่าวว่า :
        
          ผมจะไป แล้วคุณแม่อยู่นะครับ 

          แล้วเขาก็ออกไปสู่สมรภูมิที่เมือง อัลญะมามะห์เพื่อต่อสู้ป้องกันศาสนาของอัลเลาะห์ไว้ให้คงอยู่ประจำ แผ่นดินอัลญะมามะห์ แต่แล้วฮะบี๊บ ต้องเสียทีแก่ศัตรูตกเป็นเฉลยของมุซัยละมะห์ มุซัยละมะห์ได้บังคับให้เขากุฟุรต่อ อัลเลาะห์และรอซูลของพระองค์ แต่ฮะบี๊บขัดขืนไม่ยอมปฏิบัติตาม ดังนั้น มุซัยละมะห์ศัตรูของอัลเลาะห์จึงสังหารเขาด้วยการสับร่างฮะบี๊บ เสียเป็นท่อนๆ เขาจึงถึงแก่ ความตายในขณะที่ ปากพร่ำกล่าวคำปฎิญาณว่า :

          ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮ์ มุฮัมมะดุร ร่อซูลุลลอฮ์ 
         "ไม่มีพระเจ้าที่ควรแก่การเคารพอิบาดะห์ นอกจากอัลเลาะห์ ท่านนบีมุฮัมมัดเป็นศาสนทูต คนสุดท้ายของอัลเลาะห์" 

          เมื่อข่าวการตายของ ฮะบี๊บ มาถึงนะซีบะห์ผู้เป็นมารดาเข้า นางไม่ได้แสดงความตกอกตกใจ ไม่ได้ร้องไห้ตีโพยตีพายและไม่ได้พร่ำรำพันแต่อย่างใดเลย นางพูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว และมีอีมาน เชื่อมั่นว่า :

          บัดนี้ไม่มีใครเป็นตัวแทนแก่ฉันในการญิฮาดในหนทางของอัลเลาะห์แล้ว

          ว่าแล้ว นางก็ฉวยดาบและคันธนูขึ้นบ่า แล้วออกตามไปสนามรบพร้อมกับอับดุลเลาะห์ผู้เป็นบุตรชาย

          นะซีบะห์ ในสมรภูมิอัลญะมามะห์ยังเป็น " นะซีบะห์ " คนเดิมในสมรภูมิอุฮุด เธอเป็นนักรบที่เก่งกล้า รุกตลุยข้าศึกด้วยดาบคู่มือ ถ้าอยู่ห่างศัตรู เธอก็เหนี่ยวน้าวคันธนูยิงสู้ศัตรูอย่างห้าวหาญ จนทำให้ ศัตรูต้องลำบากใจอย่างที่สุด ดังเช่นในสงครามอุฮุด ที่บรรดาศัตรูต้องลำบากใจมาแล้ว ดังนั้นศัตรูหมู่หนึ่งจึงตรงรี่มาหานาง หมายสังหารนางเสียอย่างที่นางเคยประสบมาแล้วเมื่อคราวก่อน

 

วัสสลาม

 

 

 

 

           

จาก หนังสือประวัติซอฮาบะห์ 1

เผยแพร่โดย สายสัมพันธ์