ลัทธิก็อดยานียฺ
  จำนวนคนเข้าชม  9202


ลัทธิก็อดยานียฺ

 

เรียบเรียง ดร. มาเนี๊ยะอฺ อิบนุ ฮัมม๊าด อัลญุฮะนียฺ

ถอดความ . มุฮัมมัด เหมอนุกูล

 

ความเป็นมา

 

          อัลก็อดยานียะฮฺ เป็นขบวนการที่เกิดขึ้น ในปี .. 1900 โดยการวางแผนของจักรวรรดินิยมอังกฤษ ในชมพูทวีป โดยมีเป้าหมายทำให้บรรดามุสลิมห่างเหินศาสนาของพวกเขา และข้อกำหนดการต่อสู้ (ญิฮาด) ด้วยรูปแบบเฉพาะ เพื่อไม่ให้พวกเขามาเผชิญหน้าจักรวรรดินิยม ด้วยชื่อของอิสลาม และกระบอกเสียงของขบวนการนี้ คือ วารสารอัลอั๊ดยานที่ออกเป็นภาษาอังกฤษ

 

การก่อตั้งและบุคคลสำคัญๆ

 

     ♣· มิรซา ฆุลาม อะหฺมัด อัลก็อดยานียฺ (.. 1839 – 1908) เป็นลูกมือ สำหรับการปฏิบัติงานหลัก เพื่อการให้มีอัลก็อดยานียะฮฺขึ้นมา เขาเกิดที่ตำบลก็อดยาน เมืองปันจาบ ประเทศอินเดีย ปี .. 1839 มาจากครอบครัวที่เป็นที่รู้จักกัน ในการทรยศต่อศาสนาและประเทศชาติและเช่นที่ว่านี้แหละ ฆุลาม อะหฺมัด เกิดมาเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อจักรวรรดินิยม เชื่อฟังชนิดไม่ลืมหู ลืมตา เขาได้รับการเลือกให้สวมบทบาทเป็นนบี เพื่อให้บรรดามุสลิมได้โอบอุ้มเขา และหมกมุ่นอยู่กับเขา โดยลืมการต่อสู้ของพวกเขาที่ต้องมีต่อจักรวรรดินิยมอังกฤษและรัฐบาลอังกฤษก็ทุ่มเทเงินทองให้แก่พวกเขามากมาย พวกเขาจึงแสดงความสวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลอังกฤษ ในขณะที่ฆุลาม อะหฺมัด ที่เป็นที่ทราบกัน ในหมู่พวกพ้องของเขาว่าเป็นคนที่มีความไม่ สมประกอบ มีโรคมากและติดยาเสพติด

     ผู้ที่ต่อต้านเขา และการเรียกร้องเชิญชวนที่เลวทรามของเขา ได้แก่ ชัยคฺ อบุลวะฟาอฺ ซะนาอุลลอฮฺ หัวหน้ากลุ่มอะฮฺลุลหะดิษในอินเดีย โดยที่ท่านได้โต้กับเขา และเขาได้ยอมรับด้วยหลักฐาน ทำให้เห็น ความชั่วช้าของเขา การปฏิเสธ และการหันเหออกนอกศาสนาของเขา เมื่อฆุลาม อะหฺมัดไม่ยอมกลับมาสู่ความถูกต้อง ชัยคฺ อบุลวะฟาอฺก็ให้เขาได้มาสาบานกันต่ออัลลอฮฺให้คนหนึ่งคนใดจากสองคนได้ตายไป หากใครเป็นผู้โกหก อีกไม่กี่วันต่อมา มิรซา ฆุลาม อะหฺมัด อัลก็อดยานียฺ ก็ตาย ในปี .. 1808 โดยทิ้งตำรับตำราไว้มากกว่า 50 เล่ม สิ่งเผยแพร่ บทความ หนังสือที่สำคัญๆ ได้แก่ : อิซาละตุลเอาฮาม เอี๊ยะอฺญาซอะหฺมะดียฺ บรอฮีนอะหฺมะดียะฮฺ อันวารุลอิสลาม เอี๊ยะญาซุลมะเซี้ยหฺ อัลตับลี้ฆ และตัจญฺลียาต อิลาฮียะฮฺ

 

     ♣· นูรุดดีน : ตัวแทนคนที่หนึ่งของอัลก็อดยานียะฮฺอังกฤษได้สวมมงกุฎแห่งการเป็นค่อลีฟะฮฺให้แก่เขา แล้วพวกผู้สนับสนุนก็ติดตามเขา หนังสือของเขา ได้แก่ : ฟัศลุลคิฏ็อบ

 

     ♣· มุฮัมมัด อลียฺ และโคญะฮฺ กะมาลุดดีน : เป็นผู้นำอัลก็อดยานียะฮฺสายลาโฮร์ และผู้รับผิดชอบ อัลก็อดยานียะฮฺ คนแรกได้นำเสนอแปลอัลกุรอานบิดเบือนเป็นภาษาอังกฤษ ตำรับตำราของเขา ได้แก่ : หะกีเกาะตุลลิคติล๊าฟ อันนุบูวะตุฟิลอิสลาม และอัดดีนุลอิสลามียฺ ส่วนโคญะฮฺ กะมาลุดดีน ก็มีหนังสือ อัลมะษะลุลอะอฺลาฟิลอันบิยาอฺ และอื่นๆ กลุ่มอะหฺมะดียฺสายลาโฮร์ จะมองฆุลาม อะหฺมัด มิรซาว่า เขาเป็นผู้ฟื้นฟู (มุญั๊ดดิ๊ด) เท่านั้น แต่ทว่า ทั้งสองถือเป็นขบวนการเดียวกัน เอื้ออำนวยต่อกัน

 

     ♣· มุฮัมมัด อลี : เป็นหัวหน้าอัลก็อดยานียะฮฺสายลาโฮร์ ผู้รับผิดชอบอัลก็อดยานียะฮฺ สายลับของจักรวรรดินิยม และผู้จัดการวารสารที่ออกในนามอัลก็อดยานียะฮฺ ได้นำเสนอแปลอัลกุรอานบิดเบือนเป็นภาษาอังกฤษ ตำรับตำราของเขาก็มี : หะกีเกาะตุลลิคติล๊าฟ และอันนุบูวะตุฟิลอิสลาม ดังได้กล่าวถึงข้างต้น

 

     ♣· มุฮัมมัด ศอดิ๊ก : ผู้ชี้ขาดปัญหาศาสนา (มุฟตี) ของอัลก็อดยานียะฮฺ ตำราของเขา ได้แก่ : คอตะมุนนะบียีน

 

     ♣· บะชีร อะหฺมัด อิบนุลฆุลาม : ตำราของเขา ได้แก่ ซีเราะตุลมะฮฺดียฺ และกะลิมะตุลฟัศลฺ

 

     ♣· มะหฺมู๊ด อะหฺมัด อิบนุลฆุลาม และผู้สืบทอดที่สองของเขา : ตำราของเขา ได้แก่ : อันวารุลคิลาฟะฮฺ ตัวหฺฟะตุลมุลู๊ก และหะกีเกาะตุนนุบูวะฮฺ

 

          · คนแรกนั้น มีผลกระทบมากในการสนับสนุนกลุ่มผู้หลงผิดนี้ โดยที่มีการจัดสรรพื้นที่ขนาดใหญ่ให้แก่กลุ่มนี้ และให้ชื่อว่า ร็อบวะฮฺ โดยการนำชื่อมาจากบางส่วนของอายะฮฺกุรอานที่ว่า

และเรา (อัลลอฮฺ) ได้ให้เขาทั้งสอง (อีซาและมารดา) ไปอยู่ทางร็อบวะฮฺ (ที่สูง) ที่มีความมั่นคงและตาน้ำ

(อัลมุอฺมินูน : 50)

 

แนวความคิดและหลักยึดมั่น 

 

     ♦· ฆุลาม อะหฺมัด ได้เริ่มกิจกรรมของตน ในฐานะผู้เรียกร้องสู่อิสลามแล้วมีพวกพ้องห้อมล้อมมากมาย หลังจากนั้นได้อ้างว่าเป็นผู้ฟื้นฟูและได้รับการดลใจจากอัลลอฮฺ และจากนั้นได้ก้าวต่อไปโดยอ้างว่า เขาเป็นมะดียฺที่ถูกรอคอย และเซี้ยหฺที่ถูกสัญญาไว้ หลังจากนั้นได้อ้างการเป็นนบี และอ้างว่าการเป็นนบีของเขาสูงส่งกว่าการเป็นนบีของผู้นำของเรา มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

 

     ♦· พวกก็อดยานียฺเชื่อว่า อัลลอฮฺถือศีลอด ละหมาด นอน ตื่น เขียน ทำผิดได้ และร่วมประเวณี มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮฺ จากสิ่งที่พวกเขากล่าว

 

     ♦· คนก็อดยานียฺเชื่อว่า พระเจ้าของพวกเขาเป็นอังกฤษ เพราะพูดกับพวกเขาเป็นภาษาอังกฤษ

 

     ♦· อัลก็อดยานียะฮฺเชื่อว่า การเป็นนบีนั้น ไม่ได้จบลงที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หากแต่จะมีเรื่อยไป อัลลอฮฺจะทรงส่งร่อซูลมาตามความจำเป็นและฆุลาม อะหฺมัดนั้นเป็นนบีที่ประเสริฐที่สุด

 

     ♦· พวกเขาเชื่อว่า ญิบรีล อะลัยฮิสลามลงมายังฆุลาม อะหฺมัด และเขาได้รับวะฮียฺ และการดลใจต่างๆ ที่มีมาถึงเขานั้นเป็นเหมือนอัลกุรอาน

 

     ♦· พวกเขากล่าวว่า ไม่มีอัลกุรอาน นอกจากฉบับที่มะเซียหฺผู้ถูกสัญญา (ฆุลาม) นำเสนอเท่านั้น ไม่มีหะดิษ นอกจากสิ่งที่มีการกำหนดจากเขาเท่านั้น และไม่มีนบี นอกจากต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของ ฆุลาม อะหฺมัดเท่านั้น

 

     ♦· พวกเขาเชื่อว่า คัมภีร์ของพวกเขาถูกประทานลงมาและมีชื่อว่า อัลกิตาบุลมุบีน ซึ่งไม่ใช่ อัลกุรอาน ฉบับที่มุสลิมทั้งหลายยึดถืออยู่ในทุกวันนี้

 

     ♦· พวกเขาเชื่อว่า พวกเขาเป็นพวกที่มีศาสนาใหม่ เป็นเอกเทศ มีบทบัญญัติเป็นเอกเทศ และว่าพวกๆ ของฆุลาม เป็นเสมือนสาวก (ซอฮาบะฮฺ)

 

     ♦· พวกเขาเชื่อว่า ก็อดยานนั้น เหมือกับนครมะดีนะฮฺและมักกะฮฺ ยิ่งไปกว่านั้น มันประเสริฐกว่านครทั้งสองและแผ่นดินของมันเป็นเขตหวงห้าม เป็นกิบละฮฺของพวกเขาและจะไปประกอบพิธีฮัจญ์กันที่นั่น

 

     ♦· พวกเขาเรียกร้องให้ยกเลิกการต่อสู้ (ญิฮาด) นอกจากนั้น ยังเรียกร้องให้ภักดีต่อรัฐบาลอังกฤษ อย่างไม่ลืมหู ลืมตา เพราะตามการกล่าวอ้างของพวกเขาว่า อังกฤษเป็นผู้ปกครองด้วยตัวบทของอัลกุรอาน

 

     ♦· มุสลิมทุกคนในทัศนะของพวกเขาเป็นกาเฟรจนกว่าจะได้เข้าอยู่ในอัลก็อดยานียะฮฺเสียก่อนเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วใครที่แต่งงานให้ หรือแต่งงานเองกับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในอัลกอดยานียะฮฺ เขานั้นก็เป็น กาเฟร

 

     ♦· พวกเขาอนุญาตให้ดื่มสุรา สูบฝิ่น เสพสารเสพติดและของมึนเมาได้

 

ที่มาของแนวทางความคิดและหลักยึดมั่น 

 

     ♣· มันเป็นขบวนการเดินนโยบายของซัยยิดอะหฺมัด คอน ในการทำให้เป็นแบบตะวันตก ซึ่งได้ ปูทางเพื่อการปรากฏตัวของอัลก็อดยานียะฮฺ ด้วยสิ่งที่ได้เผยแพร่ออกมาจากความคิดต่างๆ ที่ออกนอกลู่ นอกทาง

 

     ♣· พวกอังกฤษฉวยโอกาสในสภาพเช่นนี้ พวกเขาก็ได้อุปโลกน์ขบวนการของอัลก็อดยานียะฮฺขึ้นมา และเลือกคนที่มาจากตระกูลที่รับใช้ต่างชาติอย่างมากมาเป็นผู้นำ

 

     ♣· ในปี .. 1953 ได้มีการลุกฮือขึ้นมาต่อต้านของประชาชนชาวปากีสถาน ขอร้องให้ปลด ท็อฟรุลลอฮฺ คอน รัฐมนตรีต่างประเทศขณะนั้นออก และให้ถือว่า กลุ่มอัลก็อดยานียฺ เป็นชนกลุ่มน้อยที่ไม่ได้เป็นมุสลิม ซึ่งมีบรรดามุสลิมล้มตายในครั้งนั้นประมาณ หนึ่งหมื่นคน และพวกเขาได้รับความสำเร็จในการปลดรัฐมนตรีที่อยู่ในอัลก็อดยานียะฮฺ

 

     ♣· ในเดือนร่อบีอุลเอาวัล 1394 ตรงกับเมษายน 1974 ได้มีการจัดประชุมใหญ่ ที่องค์การสันนิบาตโลกอิสลาม ที่นครมักกะฮฺ โดยมีบรรดาตัวแทนขององค์กรมุสลิมต่างๆ เข้าร่วมจากทั่วทุกมุมโลก และที่ประชุมได้ประกาศว่า กลุ่มนี้เป็นผู้ปฏิเสธ ออกนอกอิสลามและได้ขอให้บรรดามุสลิมต่อต้านภยันตรายของมันและไม่ไปคบค้ากับพวกก็อดยานียฺ และไม่นำเอาพวกผู้คนที่ตายของพวกเขา ไปฝังในบริเวณหลุมฝังศพ (ก็อบรฺ) ของบรรดามุสลิม

 

     ♣· สภาประชาชาติในปากีสถาน (สภากลาง) ได้ทำการอภิปรายในกรณีผู้นำของกลุ่ม มิรซา นาศิร อะหฺมัด และโต้กลับของ ชัยคฺ มุฟตฺ มะหฺมู๊ด ร่อหิมะฮุลลอฮฺ การอภิปรายได้ดำเนินไปเป็นเวลาเกือบสามสิบชั่วโมง นาศิร อะหฺมัด ไม่สามารถที่จะตอบคำถามต่างๆ ได้ แล้วท้ายที่สุด ก็ได้เป็นที่กระจ่างชัดออกมาถึงการที่ว่า กลุ่มนี้เป็นกาเฟร สภาจึงได้ลงมติ ถืออัลก็อดยานียะฮฺ เป็นชนกลุ่มน้อยไม่ได้เป็นมุสลิม

 

ในสิ่งที่ชี้ว่า อันมิรซา ฆุลาม อะหฺมัด เป็นกาเฟรมีดังนี้ 

- การอ้างว่า ตัวเขาเป็นนบี

- ยกเลิกข้อกำหนดการต่อสู้ (ญิฮาด) ซึ่งเป็นการรับใช้จักรวรรดินิยม

- ยกเลิกการไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่นครมักกะฮฺและเปลี่ยนไปประกอบที่ก็อดยาน

- เปรียบเทียบอัลลอฮฺเหมือนกับมนุษย์

- เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด

- อ้างว่าอัลลอฮฺมีบุตร และเขาเป็นบุตรของพระเจ้า

- อ้างว่าท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมไม่ได้เป็นนบีท่านสุดท้าย คนอื่นๆ ก็เป็นได้อีก

 

     ♣· อัลก็อดยานียะฮฺมีความสัมพันธ์ที่แน่นเหนียวอยู่กับอิสราเอล อิสราเอลได้เปิดศูนย์ โรงเรียนต่างๆ ให้แก่พวกเขาและทำให้พวกเขาสามารถออกวารในนามของพวกเขา พิมพ์ตำรับตำราและสิ่งเผยแพร่ต่างๆ แจกจ่ายไปในโลก

 

     ♣· การรับเอาแนวความคิดของพวกเขามาจากศาสนามะซีฮียะฮฺ ยะฮูดียะฮฺ และขบวนการกำลังภายใน เป็นที่เห็นได้ชัดเจน จากหลักยึดมั่น การประพฤติปฏิบัติของพวกเขา ทั้งๆ ที่พวกเขาแสดงความเป็นมุสลิมโดยภาพนอก

 

การแพร่หลายและแหล่งอิทธิพลต่างๆ 

 

     ♦· พวกก็อดยานียฺส่วนใหญ่ ขณะนี้อาศัยอยู่ในอินเดีย ปากีสถาน และจำนวนหนึ่งอาศัยอยู่ในอิสราเอลและประเทศอาหรับ พวกใช้ความอุตสาหะ ด้วยการให้ความช่วยเหลือจากจักรวรรดินิยมในการ ให้ได้มาซึ่งตำแหน่งสำคัญๆ ในประเทศที่พวกเขาอาศัยอยู่

 

      ♦· พวกก็อดยานียฺ มีการเคลื่อนไหวมากในแอฟริกาและประเทศตะวันตกบางประเทศ ในแอฟริกาแห่งเดียวพวกเขามีผู้ชี้แนะและนักเรียกร้องเชิญชวนที่ทำหน้าที่ในการเชิญชวนผู้คนทั้งหลายไปสู่ อัลก็อดยานียะฮฺเพียงอย่างเดียวถึงห้าพันคน การเคลื่อนไหวของพวกเขาที่มากมายนั้น เน้นถึงการสนับสนุนของพวกจักรวรรดินิยมแก่พวกเขา

 

     ♦· อนึ่ง รัฐบาลอังกฤษได้ให้การโอบอุ้มแนวความคิดนี้ อำนวยความสะดวกให้สมาชิกของพวกเขาได้มีตำแหน่งอยู่ในหน่วยงานรัฐบาลต่างๆ ของโลก ในการบริหารบริษัทและสถาบันต่างๆ และใช้นายทหารระดับสูงของพวกเขาในหน่วยสืบราชการลับต่างๆ ของตน

 

     ♦· พวกก็อดยานียฺ มีการเคลื่อนไหวมากในการเรียกร้องเชิญชวนไปสู่แนวความคิดของพวกเขา ด้วยวิถีทางต่างๆ ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านวัฒนธรรม โดยที่พวกเขามีความรู้ดี พวกเขามีนักวิทยาศาสตร์ วิศวกรและแพทย์ ในอังกฤษมีสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมใช้ชื่อโทรทัศน์มุสลิมที่บริหารโดยพวกก็อดยานียฺ

 

          จากที่ได้ผ่านมา เป็นที่กระจ่างชัดว่า อัลก็อดยานียะฮฺนั้น เป็นลัทธิเรียกร้องไปสู่ความหลงผิด ไม่ได้มาจากอิสลามแต่ประการใด หลักการเชื่อมั่นของมันค้านกับอิสลามในทุกสิ่งและสมควรที่จะเตือนให้บรรดามุสลิมได้ระวังการเคลื่อนไหวของพวกเขา หลังจากที่บรรดาปราชญ์ได้ชี้ขาดว่าพวกเขาเป็นพวกผู้ปฏิเสธ (กาเฟร)

 


ที่มา วารสารมูลนิธิชี้นำสู่สันติ