ความพยายามที่จะทำลายอาหรับและอิสลาม
  จำนวนคนเข้าชม  9467

ความพยายามที่จะทำลาย

ประชาชาติอาหรับและอิสลาม

โดย อาจารย์ มูนีร มูหะหมัด


          ความพยายามที่จะทำลายประชาชาติอาหรับ และอิสลาม มีปรากฏการเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ในโลกอาหรับ 2 ประการ

ประการแรก คือ ความพยายามในการออกประกาศรัฐธรรมนูญชั่วคราวในประเทศอิรัก

ประการที่สอง คือ ความพยายามในการจัดตั้งพรรค “มิศร์อัลอุมม์”

         สำหรับความพยายามในการออกประกาศรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของอิรัก ซึ่งกำลังพิจารณาระหว่างคณะผู้ปกครองอิรัก สิ่งที่เป็นอุปสรรค คือ การระบุว่า อิรักเป็นส่วนหนึ่งจากประชาชาติอาหรับ ซึ่งไม่อาจจะแบ่งแยกได้

          ส่วนความพยายามในการจัดตั้งพรรค“มิศร์อัลอุมม์”โดย มุห์ซิน สะอิ๊ด ลุฏฟีย์ อัสไซยยิด ซึ่งได้ยื่นเสนอไปยังคณะกรรมาธิการกิจการพรรคการเมืองของสภาที่ปรึกษา เพื่อความเห็นชอบ นายมุห์ซิน สะอิ๊ด มีความเห็นว่า ไม่สมควรที่จะต้องระบุศาสนาทางการของประเทศในสมัยปัจจุบัน ทั้งเขาได้ให้ข้อสังเกตว่า ไม่มีการปฏิบัติเช่นนี้ ในระบอบประชาธิปไตยภายในโลก จนกระทั่งได้มีการเขียนไว้เช่นนี้ แล้วเหตุใดจึงไม่พิจารณาถึงผลประโยชน์ และวัฒนธรรมของเพื่อนร่วมชาติของเรา ซึ่งมีประวัติศาสตร์ร่วมกันและมีอนาคตร่วมกัน จากพวกคอปติก ซึ่งนับถือศานาคริสต์ ซึ่งควรที่จะระบุพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ ไว้ในธรรมนูญควบคู่กับคัมภีร์อัลกุรอาน และศาสนาคริสต์เคียงข้างศาสนาอิสลาม

นาย มุห์ซิน สะอิ๊ด ได้กล่าวในที่ประชุมเพื่อจัดตั้งพรรคว่า

“เราไม่อาจจะทิ้งอารยธรรมอียิปต์ ซึ่งมีมากกว่า 5,000  ปีมาแล้ว แล้วปล่อยตัวของเราอยู่ท่ามกลางอ้อมอกของชาวอาหรับ ซึ่งพวกเขาไม่อมรับว่าเราเป็นชาวอาหรับ และกำหนดการของพรรคซึ่งพิมพ์เผยแพร่เป็นแผ่นพับเล็กๆสวยงาม มีลวดลายและสัญลักษณ์แบบฟาโรห์ ประกอบกับภาพทางภูมิศาสตร์ของประเทศอียิปต์ และใช้เดือนแบบคอปติก ระบุอุดมการณ์ของพรรคว่า โลกนิยม เสรีนิยม ยอมรับว่าศาสนาคือบ่อเกิดแห่งคุณค่า และจริยธรรม ซึ่งพิทักษ์บุคคลและสังคม ไม่ให้ออกนอกแนวทาง”

          นาย มุห์ซิน สะอิ๊ด ได้ประกาศว่า ด้วยศักยภาพของอียิปต์ ในการเป็นผู้นำของบรรดาประเทศในภูมิภาค ภายใต้ร่มเงาแห่งคุณค่าในความมีมนุษยธรรมซึ่งสร้างความจริง ความดี และความสวยงาม โดยได้สร้างอารยธรรมของยุคฟาโรห์ ซึ่งมิได้อาศัยอารยธรรมอิสลามแต่อย่างใด

          นี่คือส่วนหนึ่งจากปรากฏการที่เกิดขึ้น หลังจากที่เกิดการถล่มตึกเวิลด์เทรด ในนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544  หลังจากที่สหรัฐอเมริกาบุกอัฟกานิสถาน และหลังจากที่สหรัฐและอังกฤษบุกอิรัก ปรากฏการที่โลกตะวันตกสัมผัสคือ บรรดานักรบของมุสลิมทำการรบด้วยวิญญาณ โดยทำการต่อสู้ด้วยความอดทน โดยมีจุดหมายในการตายชะฮีด ในหนทางของอัลลอฮ์ ด้วยเหตุนี้ชัยชนะที่อเมริกาได้มา จึงไม่ใช่ได้มาโดยง่าย แม้ว่าบรรดาอาวุธที่บรรดานักรบเหล่านั้นใช้ จะเป็นอาวุธล้าสมัย แต่ได้สร้าความเสียหายให้แก่กองทัพของพันธมิตรอย่างมากมายทีเดียว

          ด้วยเหตุดังกล่าวจึงทำให้สหรัฐและพันธมิตรมีความตระหนักถึงพลังแห่งอิสลาม ที่มีอยู่ในหัวใจของมุสลิม แผนการทำลายล้างศาสนาอิสลามจึงเกิดขึ้น ด้วยการใช้เล่ห์เพทุบายทุกวิถีทาง ที่จะทำให้มุสลิมละเลยต่อคำสอนของศาสนาอิสลาม ซึ่งในรูปการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการเรียนการสอนศาสนาอิสลาม ไม่ระบุศาสนาอิสลามไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือพระราชบัญญัติต่างๆ

         อีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำลายมุสลิม เฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในโลกอาหรับ ด้วยการเรียกร้องให้ฟื้นฟูเผ่าพันธุ์เดิม อารยธรรมเดิมแทนการยึดมั่น ในการเป็นชาติอาหรับโดยอาศัยภาษาเป็นจุดเชื่อมโยง นาย พอล เบร์เมอร์ ผู้ปกครองอิรัก ในนามของสหรัฐอเมริกา จึงออกประกาศอย่างชัดเจนว่า จะไม่ยอมให้ใส่คำว่า ศาสนาอิสลาม คือ รากฐานในการตรารัฐธรรมนูญโดยเด็ดขาด ขณะเดียวกันสมาชิกคณะผู้ปกครองอิรักก็กล่าวเตือน ให้รำลึกถึงเชื้อชาติเดิมของอิรัก และความรุ่งโรจน์ของเขาเหล่านั้น แทนที่จะผูกติดอยู่กับศาสนาอิสลาม และประชาชาติอาหรับ  ซึ่งเป็นเช่นเดีวกับความคิดของ มุห์ซิน สะอิ๊ด หัวหน้าพรรค “มิศร์อัลอุมม์”

          โดยสรุป อำนาจผลประโยชน์ อำนาจเงิน จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้มุสลิมตกต่ำ ละทิ้งศาสนา ตราบใดที่พวกเขายังมิได้สวมวิญญาณแห่งความศรัทธา และการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮ์