ท่านอุตบะห์ บิน ฆ็อซวาน 2
  จำนวนคนเข้าชม  1986

ท่านอุตบะห์ บิน ฆ็อซวาน 2


ท่านอุตบะห์ อิบนิ ฆ็อซวาน นักต่อสู้เพื่ออิสลาม

          ท่านอุตบะห์ อิบนุ ฆ็อซวาน  ได้มอบตนต่อศาสนาอิสลาม นับตั้งแต่คำประกาศที่เปล่งออกมาจากปากของท่านเองที่ว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์ และท่านนบีมุฮัมหมัด เป็นรอซูลของพระองค์” ท่านยืนเคียงบ่าเคียงไหล่พร้อมกับนักรบอิสลาม ทุ่มเทตัวเองให้กับการรบมาอย่างโชกโชน ด้วยความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในทุกสมรถูมิครั้งแล้วครั้งเล่า นับตั้งแต่สมรภูมิบัดรฺ ซึ่งเป็นสมรภูมิแรกเป็นต้นมาที่ได้ร่วมทัพกับท่านรอซูลโดยมิได้ย่อท้อแต่ประการใด ประหนึ่งเป็นกำหนดจากอัลเลาะห์ ที่จะให้ชื่อของท่านปรากฏอยู่ในทุกสมรภูมิ เพียงเพื่อปกป้องอิสลามเอาไว้ให้สูงเด่นตลอดไป เคียงข้างท่านรอซูล

           ท่านอิมาม อัลฮาฟิซ ได้บันทึกไว้ในหนังสือ “อัลอิซอบะห์” ว่า :

          ท่านอุตบะห์ ได้ออกไปรบกับท่านรอซูลในสมรภูมิบัดรฺ และในทุกสมรภูมิ ท่านเป็นนักรบที่เก่งกล้า จัดเจนในเชิงรุกรบ ท่านยอมพลีชีพเพื่ออิสลามในทุกสมรภูมิเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านรอซูล

          เวลาผ่านไป อิสลามแพร่ไปทั่วทุกสารทิศในคาบสมุทรอาหรับ อัลเลาะห์ ทรงให้ศาสนาของพระองค์สมบูรณ์ด้วยวะฮีย์สุดท้าย ท่านรอซูล ได้ทำหน้าที่ของท่านอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ แล้วท่านก็จากโลกนี้ไป ท่านอบูบักรฺ อัศศิ๊ดดี๊ก ได้ทำหน้าที่ผู้ปกครองรัฐอิสลามสืบทอดเป็นคนแรก ติดตามด้วยท่านอุมัร อัลฟารู๊ก ซึ่งผู้คนให้การยกย่องและเกรงใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ครองเมืองตามแว่นแคว้นต่างๆ ที่ท่านเป็นผู้แต่งตั้งขึ้นให้ทำหน้าที่ดูแล ถามไถ่ และกวดขันการทำงานอย่างละเอียด ในการพิจารณาคัดเลือกผู้ที่จะไปครองเมืองต่างๆนั้น ท่านไม่พิจารณายศถาบรรดาศักดิ์ หรือกลุ่มพวกพ้องอิทธิพลในอดีต แต่ท่านจะพิจารณาผู้ที่มีพลังการศรัทธาที่สูง ถูกต้อง และสัตย์จริงเป็นสำคัญ

ช่วงการเป็นผู้ปกครองของท่านอุตบะห์

          ในช่วงปีฮิจเราะห์ศักราช 15-16 ท่านอุมัรได้ส่งท่าน อุตบะห์ อบนุ ฆ็อซวาน เป็นแม่ทัพและเป็นผู้ปกครองเมืองบัศเราะห์ โดยกล่าวว่า :

          อุตบะห์เอ๋ย จงเดินทางไปพร้อมกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเถิด ไปจนสุดเขตแดนที่มีคนอาหรับ ไปจนสุดเขตแดนที่มิใช่คนอาหรับ ให้เจ้าเดินทางไปพร้อมกับความจำเริญของอัลเลาะห์ และภายใต้การดูแลของพระองค์ จงยำเกรงอัลเลาะห์ในทุกสภาพการณ์เท่าที่เจ้ามีความสามารถ จงนึกอยู่เสมอว่าเจ้ากำลังอยู่ในวงล้อมของศัตรู และหวังว่าอัลเลาะห์จะทรงช่วยเหลือเจ้าให้มีชัยชนะพวกเขาเหล่านั้น ฉันได้ส่งสาส์นไปยังท่านอะลาอฺ อิบนิ อัลฮะฏะร่อมีย์ ให้จัดกำลังเสริมสนับสนุนเจ้าด้วยอุรฟะญะห์ อิบนิ ฮิรซะมะห์ ผู้เป็นนักต่อสู้ที่ช่ำชองในกุศโลบายในการรบ เมื่อพบกันแล้วจงชี้แจงให้เขาเข้าใจ และคอยดูแลเอาใจใส่เขาด้วย จงเชิญชวนผู้คนให้เข้าสู่อิสลาม จังรับผู้เข้าสู่อิสลามมาเป็นพวก ส่วนผู้ที่ปฏิเสธอิสลามนั้น ก็ให้เขาจ่ายญิซยะห์ภาษีหัว แต่สำหรับผู้ที่ไม่ยอมรับเงื่อนไขก็ให้จัดการโดยไม่ต้องปราณี จงเกรงกลัวอัลเลาะห์ในการใช้อำนาจปกครอง จงรู้จักข่มตน อย่าปล่อยตนจนกลายเป็นคนหยิ่ง จองหอง หลงตน บ้าอำนาจ จนผู้อื่นเอาไปเป็นเยี่ยงอย่างในทางที่ไม่ดี

          เจ้าเคยเคียงข้างกับท่านรอซูลุลลอฮ์ จนกลายเป็นผู้มีเกียรติ ซึ่งก่อนหน้านั้นเจ้าไม่เคยมีมาก่อน เจ้ากลายเป็นผู้ที่เข้มแข็ง ซึ่งแต่ก่อนนั้นเจ้าไม่เคย เจ้าได้เป็นผู้ปกครอง มีผู้คนเชื่อฟังเจ้า เจ้าจะสั่งใช้อะไรก็มีคนปฏิบัติตามเจ้า ดังกล่าวนี้ นับเป็นความกรุณา(นิอฺมะห์)ของอัลเลาะห์ ที่ได้ประทานแก่เจ้า จงรักษานิอฺมะห์นี้ไว้ เพราะจะช่วยปกปักรักษาเจ้ามิให้ตกเป็นผู้ที่ฝ่าฝืน เพราะฉันเกรงว่า การฝ่าฝืนนั้นจะนำพาไปสู่ไฟนรก ขออัลเลาะห์ทรงคุ้มครองด้วยเถิด

          เมื่อเจ้าและผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าไปถึงสุดเขตแดนที่มีคนอาหรับอยู่ และสุดเขตแดนที่มิใช่คนอาหรับอยู่เมื่อใด ก็จงหยุดอยู่ ณ ที่นั้น

          แล้วอุตบะห์ และบรรดาผู้ติดตามก็เดินทางต่อไปจนกระทั่งถึง “อัลมัรบัด” และเคลื่อนพลต่อไปจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำยูเฟรติส จึงให้ทหารลงพัก และได้แจ้งความจำนงในการมาให้ผู้ครองลุ่มน้ำยูเฟรติสได้ทราบ ผู้ครองลุ่มน้ำยูเฟรติสได้จัดทหารจำนวนสี่พันคนมาประจันหน้า ท่านอุตบะห์จึงส่งทหารของท่านเข้าประจัญบานในตอนสายด้วยกำลังเพียงห้าร้อยนาย ฝ่ายข้าศึกไม่มีผู้ใดเหลือรอดชีวิต นอกจากเจ้าผู้ครองลุ่มน้ำยูเฟรติสคนเดียวเท่านั้นที่ถูกจับเป็นเชลย

          อัลฮาฟิซ ยังระบุไวในหนังสือ “อัลอะซอบะห์” และเจ้าของหนังสือ “อัลอิสติอ๊าบ” ยังได้ระบุไว้เช่นเดียวกันว่า “ท่านอุตบะห์เป็นมุสลิมคนแรกที่เป็นผู้ครองนครบัศเราะห์” เป็นมุสลิมคนแรกที่พิชิตเมือง “อัลอุบุลละห์” ซึ่งเป็นหัวเมืองชายฝั่ง “ดะญะละห์”

          ท่านอุตบะห์ได้สั่งให้ “มะห์ญัน อิบนิ อัลอัดร็ออฺ” สร้างมัสยิดอัลบัศเราะห์อันยิ่งใหญ่

          เจ้าของหนังสือ “อัลอิสติอ๊าบ” ได้บันทึกคำคุฏบะห์ของท่านอุตบะห์ ขณะเข้าเมืองบัศเราะห์ ตามที่ปรากฏในหนังสือ “อะสะดุลฆอบะห์” ของท่านอิบนิ กะซี๊ร ว่า

          พึงรู้เถิดว่า แท้จริงเมื่อครั้งที่ชีวิตต้องเผชิญหน้ากับการถูกบีบบังคับในทุกย่างก้าว เหลือความอดทนอยู่เพียงเล็กน้อย สภาพการณ์ในขณะนั้นบังคับให้ต้องอพยพหนีภัยไป แล้วเราก็ได้เคลื่อนย้ายไปสู่ดินแดนที่ดีมีสุข การอพยพทำให้เรานึกถึงว่า ก้อนหินที่ถูกโยนลงไปจากปากเหวนรกต้องใช้เวลาร่วม 70 ปี ก็ยังไม่ถึงก้อนเหว แต่ขอสาบานว่านรกนั้นมีวันต้องเต็ม การอพยพทำให้เราสำนึกว่าความห่างไกลระหว่างประตูสวรรค์สองบานนั้นเป็นเวลา 40 ปี ขอสาบานว่า วันหนึ่งผู้คนจะไปชุมนุมที่นั่นจนเต็มไปหมด และฉันขอคุ้มครองต่ออัลเลาะห์ในการที่จะมองเห็นตนเองว่ายิ่งใหญ่เลอเลิศ และเล็กน้อยในสายตาผู้คนทั้งหลาย แล้วท่านทั้งหลายก็จะได้พบเองในภายหลัง
(นำเสนอโดยนักบันทึกฮะดีษทั้ง 3)

การสิ้นชีวิตของท่านอุตบะห์

          ภายหลังจากที่ท่านอุตบะห์เข้าเป็นผู้ปกครองเมืองบัศเราะห์ และได้ทำโครงสร้างมัสยิดอัลบัศเราะห์อันยิ่งใหญ่อันยิ่งใหญ่เรียบร้อยแล้ว ท่านได้เดินทางสู่มักกะห์เพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ ท่านได้ขอร้องท่านคอลีฟะห์ อุมัร ที่จะไม่ดำรงตำแหน่งผู้ปกครองเมืองบัศเราะห์ แต่ท่านอุมัรปฏิเสธ ท่านอุตบะห์จึงขอดุอาอฺต่ออัลเลาะห์ว่า :

           ข้าแต่อัลเลาะห์ โปรดอย่าให้ข้าพระองค์ต้องกลับไปยังที่นั่นอีกเลย

แล้วต่อมาท่านก็สิ้นชีวิต

         มีผู้กล่าวว่า ท่านตกลงมาจากพาหนะของท่านจนถึงแก่ความตายในปีฮิจเราะห์ศักราชที่ 17 ในการเดินกลับจากมักกะห์ บ้างก็กล่าวว่า ท่านสิ้นชีวิตที่เมือง “ร็อบวะห์”

          ขออัลเลาะห์ ทรงเอ็นดูเมตตาท่านอุตบะห์ ศอฮาบะห์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ด้วยเถิด


Click<<<     ท่านอุตบะห์ บิน ฆ็อซวาน 1     

เผยแพร่โดย สายสัมพันธ์