ประเด็นที่หนึ่ง :
การให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ "อัตเตาฮีด"เป็นที่ทราบกันดีจากการที่ได้ศึกษา อัลกุรอาน นั่นก็คือ อัตเตาฮีด แบ่งเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ
1.เตาฮีดอัรรุบุบียะฮ์ (توحيد الربوبيّة)
การให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ ในดานการบริหารจัดการ เตาฮีด ชนิดนี้เป็นที่ยอมรับของมนุษย์ ที่มีสติปัญญาอันบริสุทธิ์ ดังดำรัสของอัลลอฮ์ที่ว่า
และถ้าเจ้าถามพวกเขาว่า ใครเป็นผู้สร้างพวกเขา แน่นอน พวกเขาจะกล่าวว่า อัลลอฮ์ แล้วทำไมเล่าพวกเขา จงหันเหออกไปทางอื่น (อัซซุครุฟ : 87)
อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า
จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ใครเป็นผู้ประทานปัจจัยยังชีพจากฟากฟ้า และแผ่นดินให้แก่พวกท่าน หรือใครเป็นเจ้าของการได้ยินและการมอง และใครเป็นผู้ให้มีชีวิตหลังจากการตาย และเป็นผู้ให้ตายหลังจากมีชีวิตมา และใครเป็นผู้บริหารกิจการ แล้วพวกเขาจะกล่าวกันว่า "อัลลอฮ์" ดังนั้นจงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) พวกท่านไม่ยำเกรงหรือ (ยูนุส :31)
และอายาต ต่างๆที่กล่าวในทำนองนี้มีอยู่มากมาย
ฟิรเอาน์ ได้ปฎิเสธ เตาฮีด ประเภทนี้ ดังที่มันได้กล่าวว่า" ฟิรเอาน์ ได้กล่าวว่า และใครคือ พระเจ้าแห่งสากลโลก (อัชชุอะรออ์ : 23 )
มันได้แสดงอาการยโสโอหัง และความโง่เขลาออกมา
"เขากล่าวแก่โดยแน่นอนท่านย่อมรู้ดีว่า ไม่มีใครผู้ใดประทานสิ่งเหล่านี้ นอกจากพระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทังหลาย และแผ่นดิน ... (อัลอิสรออ์ :102)
และพวกเขาได้ปฏิเสธมันอย่างอยุติธรรมและเย่อหยิ่ง ทั้งๆที่จิตใจของพวกเขาเชื่อมั่นมัน ดังนั้นจงดูเถิดว่า บั้นปลายของบรรดาผู้บ่อนทำลายนั้นจะเป็นเช่นไร(อันนัมล์ : 14)
ด้วยเหตุนี้เอง อัลกุรอานจึงกล่าวเรื่องของเตาฮีดประเภทนี้ ในรูปของคำถาม ดังดำรัสของพระองค์ที่ว่า
บรรดาเราะซูลของพวกเขาได้กล่าวว่า มีการสงสัยในอัลลอฮ์ พระผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินกระนั้นหรือ... (อิบรอฮีม : 10)
และดำรัสของอัลลอฮ์ ที่ตรัสว่า
จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า อื่นจากอัลลอฮ์ กระนั้นหรือ ที่ฉันจะแสวงหา มาเป็นพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่พระองค์นั้นเป็นพระเจ้าของทุกสิ่ง... (อัลอันอาม : 164)
อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่าจงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ใครคือพระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน? จงกล่าวเถิด อัลลอฮ์... (อัรเราะอ์ด :16)
ดังกล่าวคือ ผลสรุปและข้อยุติในการยอมรับว่าอัลลอฮ์ เป็นพระเจ้าโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น แต่เตาฮีดประเภทนี้ไม่มีประโยชน์ใดๆ สำหรับผู้ปฎิเสธศรัทธา (กาฟิร) เพระพวกเขามิได้ให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ ในด้านการเคารพภักดี (อิบาดะฮ์) ต่อพระองค์
ดังดำรัสของพระองค์ที่ว่าและส่วนของพวกเขาจะไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ เว้นแต่พวกเขาเป็นผู้ตั้งภาคี (ยูซุฟ : 106)
แม้พวกเขาจะยอมรับว่า "อัลลอฮ์ " คือ ผู้สร้าง ผู้ประทานปัจจัยยังชีพ แต่พวกเขายังเคารพบูชาสิ่งอื่นเทียบเคียงไปกับพระองค์อีกด้วย พวกเขากล่าวว่า
ส่วนบรรดาผู้ที่ยึดถือ เอาบรรดาผู้คุ้มครองอื่นจากอัลลอฮ์ โดยกล่าวว่า เรามิได้เคารพภักดีพวกเขา เว้นแต่เพื่อทำให้เรา เข้าใกล้ชิดกับอัลลอฮ์... (อัซซุมัร: 3)
และพวกเขาจะเคารภักดีสิ่งอื่นไปจากอัลลอฮ์ ที่มิได้ให้โทษแก่พวกเขา และมิได้ให้ประโยชน์แก่พวกเขา และพวกเขาจะกล่าวว่า เหล่านี้คือผู้ช่วยเหลือเรา ณ ที่อัลลอฮ์ จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) พวกท่านจะแจ้งข่าวแก่อัลลอฮ์ ด้วยสิ่งที่พระองค์ไม่ทรงรู้ ในบรรดาชั้นฟ้าและในแผ่นดินกระนั้นหรือ พระองค์ทรงมหาบริสุทธิ์และทรงสูงส่ง เหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีขึ้น (ยูนุส :18)
2.เตาฮีดอัลอุลูฮียะห์ (توحيد الألوهيّة )
คือการให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงสูงส่ง ด้วยการเคารพภักดี (อิบาดะฮ์) ต่อพระองค์ อันเป็นเหตุให้เกิดการต่อสู้กันระหว่าง บรรดาศาสนทูตกับประชาชาติทั้งหลายในสมรภูมิต่าง ๆ และพระองค์เป็นผู้ทรงส่งบรรดาศาสนทูตมา เพื่อทำหน้าที่ดังกล่าวและเพื่อให้ได้มาซึ่งความหมายที่แท้จริงของ คำว่า ลา อิลาฮะ อิ้ลลัลลอฮ์ คือ ไม่มีผู้ที่ได้รับการเคารพ สักการะที่แท้จริงอื่นใด นอกจาก อัลลอฮ์ ซึ่งถ้อยคำดังกล่าว ตั้งอยู่บนพื้นฐานสองประการคือ การปฏิเสธ และการยืนยัน
สำหรับความหมายในเชิงปฏิเสธ คือ เลิกจากการเคารพบูชา กราบไหว้รูปปั้น มนุษย์และสิ่งต่างๆทั้งหลายในทุกประการ นอกจากอัลลอฮ์ พระองค์เดียวเท่านั้น และความหมายในเชิงยืนยัน คือ การให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ ด้วยการเคารพ(อิบาดะฮ์)พระองค์เพียงพระองค์เดียว ตามที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้ในคัมภีร์ อัลกุรอาน ซึ่งได้ระบุไว้เป็นหลักการสำคัญ ดังดำรัสที่ว่า
และโดยแน่นอนเราได้ส่งเราะซูลมาในทุกประชาชาติ (โดยบัญชาว่า) พวกท่านจงเคารพภักดี อัลลอฮ์ และจงหลีกหนี ให้ห่างจากพวกเจว็ด... (อันนะหล์ : 36)
อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า
และเรามิได้ส่งเราะซูลคนใดมาก่อนหน้าเจ้า นอกจากเราได้บัญชา (วะฮีย์) แก่เขาว่า แท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เที่ยงแท้ นอกจากข้า ดังนั้น พวกเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้า (อัลอันบิยาอ์ : 25)อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า
ไม่มีการบังคับใดๆ(ให้นับถือ)ในศาสนาอิสลาม แน่นอน ความถูกต้องนั้นได้เป็นที่กระจ่างแจ้งแล้วจากความผิด ดังนั้น ผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่อ อัฏฏอฆู๊ต และศรัทธาต่ออัลลอฮ์ แล้ว แน่นอนเขาได้ยึดห่วงอันมั่นคงไว้แล้ว โดยไม่มีการขาดใดๆเกิดขึ้นแก่มัน และอัลลอฮ์นั้น เป็นผู้ทรงได้ยิน เป็นผู้ทรงรอบรู้ (อัลบะเกาะเราะฮฺ : 256)อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า
และเจ้าจงถามผู้ที่เราได้ส่งมาก่อนเจ้า จากบรรดาเราะซูลของเราว่า เราได้ตั้งพระเจ้าหลายองค์อื่นไปจากพระผู้ทรงกรุณาปรานี เพื่อเคารพบูชากระนั้นหรือ (อัซซุครุฟ : 45)
อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า
จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) แท้จริงฉันได้รับวะฮีย์ มาให้ประกาศว่า แท้จริงพระเจ้าของพวกท่านนั้น คือ พระเจ้าองค์เดียว ดังนั้นพวกท่านยังมิยอมนอบน้อมอีกหรือ (อัลอันบิยาอ์ : 108)
และอายะฮ์ต่าง ๆ ในทำนองนี้ยังมีอีกมากมาย
3.เตาฮีดอัลอัสมาอ์วัสศิฟาต (توحيد الأسماء والصفات)
คือ การให้เอกภาพแด่ อัลลอฮ์ เกี่ยวกับบรรดาพระนามและคุณลักษณะของพระองค์ เตาฮีดประเภทนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานสองประการ ดังที่ อัลลอฮ์ ได้ทรงแจกแจงเอาไว้
ประการแรก คือ การที่พระองค์ ผู้ทรงสูงส่ง ทรงมีคุณลักษณะต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งถูกสร้างต่างๆ
ประการที่สอง คือ การศรัทธา ต่อสิ่งที่พระองค์ทรงแจ้งคุณลักษณะของพระองค์ หรือการที่ศาสนทูตได้แจ้งให้ทราบถึงคุณลักษณะของพระองค์ตามความเป็นจริงอย่างเหมาะสม ด้วยกับความครบถ้วนสมบูรณ์ และความยิ่งใหญ่ของพระองค์ มิใช่เป็นการเปรียบเทียบเสมอกับพระองค์ และไม่มีผู้ใดจะรู้ถึงพระลักษณะคุณของอัลลอฮ์ ยิ่งไปกว่าพระองค์เอง และศาสนทูตของพระองค์
อัลลอฮ์ ได้ตรัสถึงพระองค์เองว่า (มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิดว่า พวกเจ้ากับอัลลอฮ์นั้น ใครรู้ดีกว่ากัน ?"(อัลบะเกาะเราะฮ์ : 140)
พระองค์ได้ตรัสถึงศาสนทูตของพระองค์ว่า
และเขา (มุฮัมมัด) มิได้พูดตามอารมณ์ สิ่งที่เขาพูดออกมานั้น มิใช่อื่นใดนอกจากเป็น วะฮีย์ ที่ถูกประทาน ลงมาเท่านั้น (อันนัจมฺ : 3-4)ดังนั้น อัลลอฮ์ จึงทรงปฏิเสธ ไม่ยอมรับความเหมือนหรือคล้ายกับสิ่งถูกสร้างใดๆ ดังดำรัสของพระองค์ที่ว่า
ไม่มีสิ่งใดเหมือน (คล้าย) กับพระองค์ (อัชชูรอ : 11)
พระองค์ทรงยืนยันในพระคุณลักษณะของพระองค์ ตามความเป็นจริง ดังดำรัสของพระองค์ที่ว่า
และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน เป็นผู้ทรงเห็น (อัชชูรอ : 11)ดังนั้น อายะฮ์แรกจึงชี้ให้เห็นว่าไม่สมควร และไม่ต้องการให้มีการตีความใดๆ และจำเป็นจะต้องยืนยันในพระลักษณะของพระองค์ตามความเป็นจริง โดยมิต้องเปรียบเทียบกับสิ่งใด และยังปฏิเสธการเสมอเหมือนหรือคล้ายคลึงกับสิ่งถูกสร้างใดทั้งสิ้น และชี้ให้เห็นอีกว่ามนุษย์นั้นไม่สามารถที่จะรู้เกี่ยวกับพระองค์ได้ทั้งหมด
ดังที่พระองค์ทรงตรัสว่า
พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งต่างๆที่อยู่เบื้องหน้า และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขา โดยที่มนุษย์ไม่อาจจะรู้สิ่งดังกล่าวได้เลย (ฏอฮา : 110)
ประเด็นที่ 2 >>>>Click