ช่วงเวลาแห่งการเดินทาง
  จำนวนคนเข้าชม  4266

ช่วงเวลาแห่งการเดินทาง


 “และมนุษย์ทุกคนเราได้ให้การงานของเขาแขวนติดไว้ที่คอของเขาและในวันกิยามะฮ์เราจะเอาบันทึกออกมาให้เขาพบมัน ในสภาพที่กางแผ่”  (Al-Quran 17:13)


           ไพลินเปลี่ยนงานมาเป็นพนักงานขายต่างจังหวัดที่บริษัทแห่งหนึ่ง ไพลินขับรถยนต์ออกต่างจังหวัดคนเดียวเป็นครั้งแรก โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าเส้นทางและสภาพแวดล้อมตามพื้นที่เป็นอย่างไร ไพลินดูตามแผนที่ประเทศไทยพื้นที่เส้นทางโดยส่วนใหญ่เต็มไปด้วยภูเขา ทุ่งนา ป่าทึบ แม้แต่ในอุทยานแห่งชาติก็ขับรถยนต์เข้าไปคนเดียวมาแล้วไม่ว่าจะขึ้นเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออก ตะวันตก ล่องใต้ และภาคกลาง ทุกวันนี้ยังมีความรู้สึก “งง” เหมือนกันว่าขับไปได้อย่างไร รอดมาได้อย่างไรโดยไม่เคยคิดที่จะกลัวแม้แต่ความตาย ไพลินคิดเสมอว่าถ้าไม่ถึงที่ตายจะไม่ตาย แต่ถ้าผู้ใดถูกกำหนดแล้วแม้แต่นอนหลับยังตายได้เลย 


“ แท้จริงพระเจ้าของพวกท่านคืออัลลอฮ์ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินในเวลา 6 วัน แล้วพระองค์ทรงประทับบนบัลลังก์ ทรงบริหารกิจการ ไม่มีผู้ให้ความช่วยเหลือคนใด เว้นแต่ต้องได้รับอนุมัติจากพระองค์ นั่นคืออัลลอฮ์พระเจ้าของพวกท่าน พวกท่านจงเคารพภักดีต่อพระองค์เถิด พวกท่านมิได้ใคร่ครวญกันดอกหรือ ” (Al-Quran 10:3)


          ไพลินทุ่มเททำงานจนกระทั่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้างาน ทำให้ต้องขับรถยนต์ไปทั่วทุกภาคเพื่อติดต่อลูกค้า ไม่ว่าไปที่ไหนจะเข้าไปไหว้พระและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละพื้นที่เสมอเพื่อขอพรให้ปกป้องคุ้มครอง ไพลินจะสวดมนต์ก่อนนอนเป็นประจำทุกคืน ไพลินจะมีหนังสือเรียนและนิตยสารต่างๆเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่และของเล่นอยู่ในรถยนต์ทุกเดือน เพื่อไปให้กับลูกค้าตามต่างจังหวัดและให้ลูกค้านำไปบริจาคให้กับชาวบ้านอีกต่อหนึ่ง เพราะไพลินไม่รู้จักชาวบ้านแถวนั้น ไพลินมีความสุขที่ได้ให้ ไพลินจะรีบทำงานแล้วกลับบ้านเพื่อไปอยู่กับแม่         

          แม้บางครั้งไพลินไปเที่ยวเตร่เฮฮากับเพื่อนๆบ้างเมื่อกลับมากรุงเทพฯ ไพลินรักกรุงเทพฯเมืองมายาที่ใครๆต่างหลงใหล ไพลินรักษาสุขภาพกลัวความแก่เลยไม่ดื่มเหล้า ชีวิตเซลล์คือชีวิตที่วางอยู่บนเส้นด้าย ถ้าไม่รักไม่ประครองตนเองไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้ ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับการเดินทางท้องบนถนนเพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สติสัมปชัญญะ


“สวรรค์อยู่ใกล้กับคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่าน ยิ่งกว่าห่วงรองเท้าแตะที่สอดนิ้วเท้าของเขา นรกก็เช่นเดียวกัน”    (บันทึกโดย บุคอรีย์)


          การเดินทางในแต่ละครั้งไพลินมองเห็นชาวบ้านตามชนบทอยู่กันอย่างมีความสุข ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรเหมือนคนกรุงเทพฯ ไม่มีเสื้อผ้าหรูหรา ไม่ได้กินไก่ทอดชื่อดัง ไม่ต้องเข้าร้านอาหารแพงๆ แค่ส้มตำ ข้าวเหนียวหรือข้าวราดแกงร้อนๆสักจาน ชีวิตก็สามารถดำรงอยู่ได้ ชาวชนบทนั้นไม่ต้องแข่งขัน ไม่ต้องเชือดเฉือนเพื่อตำแหน่ง เพื่อให้เจ้านายรัก เพื่ออะไรหลายๆอย่างเพื่อเอาตัวรอดและทำทุกอย่างเพื่อเงิน  เพราะอะไรนะวิถีชีวิตถึงได้แตกต่างกันมากมายขนาดนี้


“แท้จริงอุปมาชีวิตในโลกนี้ ดั่งน้ำฝนที่เราได้หลั่งมันลงมาจากฟากฟ้า พืชของแผ่นดินได้คละเคล้ากับน้ำนั้น บางส่วนของมันมนุษย์และปศุสัตว์ใช้กินเป็นอาหาร จนกระทั่งแผ่นดินได้เริ่มปรากฏความงดงามของมัน และถูกประดับด้วยพืชผลอย่างสวยงาม เจ้าของๆมันก็คิดว่าแท้จริงเขามีอำนาจเหนือมัน คำบัญชาของเราได้มายังมันในเวลากลางคืนหรือในเวลากลางวันแล้วเราได้ทำให้มันถูกเก็บเกี่ยว เสมือนกับว่าไม่มีการหว่านมาแต่วันวาน เช่นนั้นแหละ เราได้จำแนกโองการต่างๆ แก่หมู่ชนผู้ใคร่ครวญ”  (Al-Quran 10:24)


          ไพลินย้อนมองดูตัวเองทุกครั้งทำไมชีวิตถึงไม่มีความสุข ทั้งๆที่มีสิ่งต่างๆมากกว่าบางคน ไม่มีหนี้สิน ครอบครัวไม่เดือดร้อนอะไร แต่ทำไมถึงไม่มีความสงบในชีวิต เวลาขอพรจะขอเพียงให้ตนเองมีความสุข ความสงบในชีวิตเท่านั้นก็เพียงพอ บางครั้งขับรถไปน้ำตาไหลลงอาบแก้มทุกครั้ง ได้แต่นึกว่าทำไมนะ! ต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้ด้วย ทำไมนะต้องลำบากอย่างนี้ ทำไมชีวิตถึงเป็นแบบนี้ ความเหงา ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวจากการเดินทางในแต่ละครั้งได้สะสมมากขึ้นทุกขณะ จนไพลินเคยคิดฆ่าตัวตายเพราะความกดดัน ความสับสนยุ่งเหยิงในชีวิตทำให้ไพลินไม่อยากที่จะอยู่ในโลกใบนี้ โดยขับรถยนต์แล้วปล่อยมือจากพวงมาลัยรถยนต์เพื่อให้เกิดอุบัติเหตุและตายไปเสียคงจะดี   


“โอ้อัลลอฮ์ขอพระองค์ทรงโปรดให้ฉันมีชีวิตอยู่ ถ้าหากการมีชีวิตนั้นเป็นความดีแก่ฉัน และขอพระองค์ทรงโปรดให้ฉันตาย ถ้าหากความตายนั้นเป็นความดีแก่ฉัน”(บันทึกโดย บุคอรีย์ และ มุสลิม)


          บางครั้งไพลินอยากจะประพฤติตนให้เป็นคนเลวแต่จิตใต้สำนึกนั้นได้บอกเสมอว่า ถ้าปฏิบัติในสิ่งเลวจะได้กับตัวเองแต่ถ้าปฏิบัติในสิ่งดีจะได้กับคนอีกหลายคน ไพลินคุยกับตนเองเสมอให้กำลังใจตัวเองด้วยการใช้เงินซื้อของใช้และเสื้อผ้าใหม่ๆทุกเดือน แต่ไม่มีอะไรสามารถทดแทนได้เพราะทุกอย่างยังวุ่นวายสับสนอยู่ ถึงแม้จะได้รับเงินมากทุกเดือน เวลาไพลินอยู่ต่อหน้าลูกค้าแม้จะมีความเศร้าโศกเพียงใดจะยิ้มแย้มเสมอและจะยิ้มทั้งตาและหัวใจที่เต็มเปี่ยม เพราะลูกค้าคือบุคคลสำคัญที่ทำให้ไพลินคลายเหงา  ลูกค้าได้ให้ข้อคิดและเป็นผู้ที่สอนไพลินให้รู้จักความอดทน ไพลินจะพบปะลูกค้าตลอดทำให้การขายของไพลินนั้นได้ตามเป้าหมายทุกเดือน เพราะฉะนั้นเงินที่ได้รับจะมากขึ้นทุกเดือนแต่   “ ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว ”


“และไม่มีความโปรดปรานใดๆที่พวกเจ้าได้รับ นอกจากมันย่อมมาจากอัลลอฮ์ ดังนั้นเมื่อความทุกข์ร้ายประสบแก่พวกเจ้า พวกเจ้าก็จะคร่ำครวญขอพรต่อพระองค์ แล้วเมื่อพระองค์ทรงปลดเปลื้องความทุกข์ยากออกจากพวกเจ้า ขณะนั้นกลุ่มหนึ่งจากพวกเจ้าก็จะตั้งภาคีแก่พระเจ้าของพวกเขา” (Al-Quran 16:53-54)


“ แท้จริงอัลลอฮ์นั้นไม่มีสิ่งใดในแผ่นดินจะซ่อนเร้นพระองค์ไปได้ และทั้งไม่มีในฟากฟ้าด้วย ”   (Al-Quran 3:5)


           ช่วงระหว่างเดินทางกลับจากทำงานไพลินจะแวะตาม outlet mall ซื้อของให้พี่สาว น้องชายและแม่เสมอ สิ้นเดือนให้เงินแม่ไว้ใช้ แม่จะมีของกินเตรียมไว้ในตู้เย็นตลอด ลูกๆที่กลับไปบ้านไม่เคยอดหรือไม่มีอะไรกิน ช่วงนี้เป็นช่วงที่หาเงินได้มากไพลินจะพาครอบครัวไปซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าแล้วแต่ว่าแต่ละคนอยากได้อะไรโดยไม่คิด เพราะรู้ถึงความรู้สึกอยากได้แล้วไม่ได้มันเป็นอย่างไร ครอบครัวไพลินไม่เคยได้รับรู้ว่าไพลินพบกับความยากลำบากมากแค่ไหนในช่วงที่ต้องดำเนินวิถีชีวิตด้วยตนเอง


“ความดีย่อมไม่สูญหาย ความผิดจะไม่ถูกลืม จะทำอะไรก็ทำเถิด ทำอย่างไรก็ถูกตอบแทนอย่างนั้น”  (บันทึกโดย บัยหะกีย์)
 

           ไพลินคิดว่าการซื้อของใช้ใหม่ๆนั้นจะชดเชยให้พวกเขาได้ ในเมื่อไม่มีเวลาที่จะอยู่และให้คำปรึกษากับคนในครอบครัว ถึงแม้จะมีประสบการณ์มากมายแต่ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดได้ จึงหวังว่าเงินคงจะช่วยให้ครอบครัวมีความรู้สึกที่ดีและความเป็นอยู่ต่างๆที่ดีขึ้น ครอบครัวไพลินนั้นมีฐานะปานกลางแต่ใครๆก็อยากจะยกระดับตนเองให้สูงขึ้นทั้งนั้น เพื่อการยอมรับจากสังคมรอบข้างเพราะสังคมนั้นดูกันที่ “เงิน”    นี่คือสังคมอะไร ?


“ ได้ถูกทำให้สวยงาม (ลุ่มหลง) แก่มนุษย์ซึ่งความรักในบรรดาสิ่งที่เป็นเสน่ห์อันได้แก่ผู้หญิง และลูกชาย ทองและเงินอันมากมาย และม้าดี และปศุสัตว์และไร่นา นั่นเป็นสิ่งอำนวยประโยชน์ชั่วคราวในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้เท่านั้น และอัลลอฮ์นั้นพระองค์คือที่กลับอันสวยงาม ”  (Al-Quran 3:14)


          ไพลินขับรถผ่านมูลนิธิต่างๆและแวะบริจาคเงินเสมอ หวังเพียงว่าความดีที่ได้ทำนั้นคงได้รับการตอบแทนสักวันหนึ่งไม่ชาตินี้ก็คงชาติหน้าตามความเชื่อของศาสนาพุทธ  ไม่นานนักเริ่มมีปัญหาภายในบริษัทความอิจฉาริษยาของผู้ที่มีความละโมบ โลภมาก อยากได้ในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ และการทำงานที่โดดเด่นคงไปขวางการกระทำบางอย่างของเขา เพราะไพลินเป็นคนตรงไม่มีอ้อมค้อม บางครั้งความจริงก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก หรือพวกเขาไม่ยอมรับความจริงกันนะ
 

“ บรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขามีโรค คิดหรือว่าอัลลอฮ์จะไม่ทรงนำเอาความอิจฉา ริษยาของพวกเขาออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ และหากเราประสงค์แน่นอน เราจะเปิดเผยพวกเขาแก่เจ้า แล้วเจ้าจะรู้จักพวกเขาอย่างแน่นอน ที่เครื่องหมายของพวกเขา และแน่นอนเจ้าจะรู้จักพวกเขาได้ในน้ำเสียงแห่งการพูด และอัลลอฮ์ทรงรู้ดีถึงการงานของพวกเจ้า ” (Al-Quran 47:29-30)


           บางครั้งไม่เข้าใจความคิดของพวกเขาเหล่านั้น บางทีนึกแล้วก็สงสารทำไมนะถึงมีเวลาว่างกัน คิดแต่สิ่งชั่วร้ายเช่นนี้ ไพลินจึงตัดสินใจเป็นผู้ถอยเสียเอง


“ผู้ใดที่อัลลอฮ์ปราถนาให้เขาได้รับความดีเขาจะถูกทดสอบให้พบกับความเดือดร้อน ”(บันทึกโดย บุคอรีย์) 


           ไพลินลาออกจากงานเพราะสำหรับไพลินแล้วถ้าไม่ชอบจะไม่ทำ ไม่คุยด้วย ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากคบค้าสมาคม ทุกคนที่คบกันนั้นเพราะเงิน ช่วงที่ไม่มีเงินไม่เคยมีเพื่อนให้เห็นหน้า แต่ช่วงไหนมีเงินหรือเขาเหล่านั้นสามารถพึ่งพาได้ จะมีเพื่อนมาหามากมาย ดังสุภาษิตที่ว่า


“ ยามมั่งมีมากมาย มิตรหมายมอง     ยามมัวหมอง มิตรมองเหมือนหมูหมา
ยามไม่มีมิตรเมิน ไม่มองมา     ยามมอดม้วย หมูหมาไม่มามอง ”


          สุภาษิตบทนี้ได้เตือนตนเองอยู่ในใจเสมอ แต่รู้ทั้งรู้ไพลินก็ยังพยายามมีเงินให้มากเพื่อจะได้มีเพื่อนไว้คลายเหงา เท่านั้นเองหรือ ! เพื่อนเขาซื้อกันด้วยเงินอย่างนั้นหรือ !


“มนุษย์อาจมีอายุมาก แต่จะอยู่ในวัยหนุ่มด้วย 2 ประการคือ ความอยากต่อทรัพย์สมบัติ และความอยากมีอายุยืน”    (บันทึกโดย มุสลิม)


           ไพลินค้นหามิตรแท้ตลอดเวลามองหาใครที่สามารถไว้ใจได้บางครั้งไม่รู้ว่าจะพูดหรือระบายกับใครเพราะถ้าเล่าให้ใครฟังสักคนเรื่องนั้นจะไปถึงหลายๆคน  ยิ่งหาเหมือนยิ่งห่างออกจากความจริง ยิ่งหาเหมือนยิ่งไกล บางเวลาไพลินท้อแท้กับชีวิตแต่ไม่เคยที่จะท้อถอย ชีวิตคือการต่อสู้และดิ้นรน

           มีผู้ชายคนหนึ่งมาจีบเเพื่อนของไพลินเขาบอกว่ากำลังมองหาแม่ของลูก ส่วนเรื่องเพศสัมพันธ์นั้นเขาสามารถหาซื้อกินได้ (พูดเหมือนซื้อของในตลาดสด) เพราะทุกวันนี้มี กิ๊ก กั๊ก แต่ไม่สามารถที่จะยกฐานะผู้หญิงเหล่านั้นได้ พวกเธอเป็นแค่ที่รองรับอารมณ์ใคร่เท่านั้นเอง นี่คือความคิดของผู้ชายเลวๆที่ไม่มีความรับผิดชอบ หรือมันคือความคิดของผู้ชายหลายๆคน


“ผู้ใดที่รับรองให้แก่ฉัน ซึ่งสิ่งที่อยู่ระหว่างขากรรไกรทั้งสอง (ลิ้น) และสิ่งที่อยู่ระหว่างขาทั้งสอง (อวัยวะเพศ) ฉันก็จะรับรองสรวงสวรรค์ให้แก่เขา” (บันทึกโดย บุคอรีย์ และ มุสลิม)


“ 4 ประการที่ผู้หญิงจะถูกเลือกให้แต่งงานคือ ทรัพย์สินของนาง วงศ์ตระกูลของนาง ความสวยของนาง และศาสนาของนาง จงเลือกแต่งงานกับหญิงที่มีศาสนา ท่านจะเป็นผู้โชคดี ”(บันทึกโดย บุคอรีย์)


           คนที่มีอาชีพเซลล์เหมือนต้องคำสาป โดยมากมักจะไม่มีคู่ครองหรือมีก็หาดีไม่ได้ หาได้ก็ไม่ดี เพราะต้องทำงานและเดินทางตลอดไม่มีเวลาที่จะดูแลครอบครัวและสามีแน่ๆ ไพลินบอกกับตัวเองตลอดเวลาว่าชีวิตเป็นของเรา จงอยู่ได้ด้วยตนเองเพราะฉะนั้นจงรักตัวเองให้มากๆ


“ ผู้ใดที่มีความสามารถก็จงแต่งงาน หากไม่สามารถก็จงถือศีลอดเพราะมันจะยับยั้งอารมณ์ได้  ”    (บันทึกโดย บุคอรีย์ และมุสลิม)  


          ไพลินศึกษาภาษาอังกฤษเพิ่มเติมเพราะเบื่อกับการทำงานแบบไทยๆ หวังที่จะทำงานกับบริษัทต่างชาติเพราะเคยทำงานกับต่างชาตินั้น จะมองกันที่ผลงานมากกว่าการเลียแข้งเลียขาเจ้านาย ไพลินไม่อยากใส่หน้ากากและมันมีหน้ากากหลายอันที่จะต้องใส่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา


“ผู้ใดที่ศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮ์จงพูดแต่สิ่งที่ดีหรือไม่ก็นิ่งเสีย”(บันทึกโดย บุคอรีย์ และ มุสลิม)


           ช่วงนี้มีเวลาเลยชวนเพื่อนสนิทไปนั่งกรรมฐานที่วัดแห่งหนึ่ง แม่ไม่อยากให้ไปเพราะกลัวไพลินคิดจะบวชชี บางครั้งสับสนมากๆก็คิดที่จะบวชชีหนีไปอยู่วัดเหมือนกันแต่กลัวว่าจะไปทำให้พระสึกเสียเปล่าๆ ญาติของไพลินบวชชีอยู่ที่วัดต้องไปสร้างกุฏิในที่ของวัดนำเงินที่มีอยู่ไปบริจาค ถึงแม้จะอยู่วัดแต่ต้องหาอาหารเลี้ยงดูตนเองบางทีญาติๆทั้งหลายก็บริจาคเงินให้ พวกเราไปนั่งกรรมฐานที่วัด 3 วัน กลับมาพอจะสงบใจได้ชั่วคราวและคิดที่จะชวนเพื่อนไปนั่งกรรมฐานสักหนึ่งอาทิตย์แต่เพื่อนยังไม่มีเวลา เลยไม่มีโอกาสที่จะได้ไปอีก แล้ววันหนึ่งเพื่อนมาชวนให้ไปช่วยต้อนรับคนต่างชาติ ไพลินเลยคิดว่าจะได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษที่เรียนมา


“ จงตอบรับการเรียกร้องของพระเจ้าของพวกเจ้าเถิด ก่อนที่วันหนึ่งจะมาถึง ซึ่งไม่มีทางหลีกเลี่ยงไปจากอัลลอฮ์ได้ และในวันนั้นสำหรับพวกเจ้าจะไม่มีที่พักพิง และพวกเจ้าก็จะไม่มีทางปฏิเสธด้วย ” (Al-Quran 42:47)

Next >>>>Click