หลักสำคัญสามประการ พร้อมหลักฐาน
  จำนวนคนเข้าชม  5825

 

تأليف : الإمام محمد بن عبدالوهاب - رحمه الله

เรียบเรียงโดย ชัยคุล อิสลาม มูฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮาบ

หลักสำคัญสามประการ

          หากมีใครถามท่านว่าอะไรคือ หลักสำคัญสามประการที่มนุษย์จำเป็นต้องศึกษา ?

พึงกล่าวแก่เขาเถิดว่าหลักสำคัญสามประการนั้นคือ

หนึ่ง - มนุษย์ต้องรู้จักผู้ที่สร้างเขา (พระเจ้าของเขา)

สอง - ต้องรู้จักศาสนาของเขา (ความเชื่อถือ)

สาม - ต้องรู้จักศาสดาของเขา (ผู้ที่นำหลักธรรมจากพระเจ้ามาถ่ายทอดให้แก่มนุษย์)

หลักสำคัญประการที่หนึ่ง

         เมื่อมีใครถามท่านว่า ใครคือผู้เป็นเจ้าของท่าน พึงกล่าวแก่เขาเถิดว่า พระผู้เป็นเจ้าของฉันคือ อัลลอฮ์ ซุบฮาน่าฮุว่า ตะอาลา ผู้ทรงสร้างฉัน และทรงประทานปัจจัยยังชีพหลากหลายแก่ฉัน และเพื่อมนุษย์ทั้งปวงด้วยความโปรดปรานของพระองค์ และพระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้สมควรได้รับความเคารพภักดีจากฉัน ไม่มีผู้ใดได้รับความเหมาะสมแก่การเคารพภักดีอีก นอกจากอัลลอฮ์ ซุบฮาน่าฮุว่า ตะอาลา  แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ดังที่พระองค์ทรงดำรัสว่า

"การสรรเสริญทั้งหลายนั้น เป็นสิทธิของอัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลโลก" ( อัลฟาติฮะ : 1 )

คำว่า "อาละมีน" หรือสากลโลกนั้นหมายถึงทุกสรรพสิ่งที่นอกเหนือจากอัลลอฮ์ และตัวฉันก็เป็นส่วนหนึ่งของสากลโลก

       และหากมีคนถามว่าท่านรู้จักพระเจ้าของท่านได้อย่างไร ? ท่านพึงกล่าวเถิดว่า รู้จักพระเจ้าโดยการศึกษาจากสัญญาณต่างๆ ของทุกสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง ดังตัวอย่างเช่น

กลางวัน (ปรากฏในช่วงที่ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า จวบจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า)

กลางคืน (ปรากฏการณ์ในยามราตรีจนกระทั่งฟ้าสาง)

         ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ชั้นฟ้าทั้งเจ็ด ผืนดินทั้งเจ็ด ผู้ที่อาศัยอยู่ในโลก และสิ่งที่อยู่ระหว่างฟากฟ้า และแผ่นดิน อัลลอฮ์ ซุบฮาน่าฮุว่า ตะอาลา ทรงตรัสว่า

"และส่วหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ การมีกลางคืน และกลกางวัน มีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ พวกเจ้าอย่าได้กราบไหว้ดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ หากแต่จงก้มกราบ (สุญูด) อัลลอฮ์ ผู้ทรงสร้างสิ่งเหล่านั้นหากพวกเจ้าจะเคารพภักดี่พระองค์เท่านั้น" (ฟุศศิลัต : 37 )

และพระองค์ทรงตรัสอีกว่า

"แท้จริงพระผู้อภิบาลของเพวกเจ้านั้นคืออัลลอฮ์ผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน ภายในหกวัน แล้วทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ พระองค์ได้ทรงทำให้กลางคืนปกคลุมกลางวัน ในสภาพที่กลางคืนไล่ตามกลางวันอย่างรวดเร็ว และทรงสร้างดวงอาทิตย์ ดวจันทร์ ดวงดาวต่างๆ ขึ้นโดยถูกกำหนดให้ทำหน้าที่บริการ(แก่มนุษย์) ตามคำบัญชาของอัลลอฮ์ พึงรู้เถิดว่าการสร้างและการบริหารั้น เป็นสิทธิของพระองค์ มหาบริสุทธิ์ อัลลอฮ์ พระผู้เป็พระเจ้าแห่งสากลโลก" (อัล อะอ์รอฟ : 54 )

ดังนั้นพระผู้อภิบาล(ร๊อบ) จึงเป็นผู้ที่ควรแก่การเคารพภักดีอย่างแท้จริง เพราะหลักฐานที่ระบุไว้นั้นคือ พระดำรัสของอัลลอฮ์ ซุบฮาน่าฮุว่า ตะอาลา ที่ว่า

"โอ้ เหล่ามนุษย์เอ๋ย จงเคารพภักดีพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าผู้ทรงบังเกิดพวกเจ้า และบรรดาผู้ที่เกิดก่อนหน้าพวกเจ้าเพื่อว่า พวกเจ้าจะยำเกรง คือผู้ทรงทำให้ ผืนธรณีเป็นที่นอนและทรงทำให้แผ่นฟ้าเป็นอาคาร และทรงทำให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า และเนื่องด้วยน้ำนี้พระองค์ทรงทำให้ผลไม้ นานาชนิดผลิตผลออกมา เพื่อเป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่ายกผู้อื่น ขึ้นเทียบเท่าอัลลอฮ์ ทั้งๆที่พวกเจ้าก็รู้กันอยู่" (อัลบะเกาะเราะฮ์ : 21-22)

อิบนุ กะซีร (ขออัลลอฮ์ ทรงโปรดเมตตาท่าน) ได้กล่าวว่า

"ผู้ทรงสร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้คือผู้ที่สมควรแก่การเคารพภักดี" และการแสดงความภักดีอัลลอฮ์ ได้ทรงบัญชาให้ปฏิบัตินั้นมีหลายอย่าง เช่นการยอมรับอิสลาม การศรัทธา การทำความดี การวิงวอน ความเกรงกลัวการมอบหมายความหวัง ความปราถนา ความหวาดหวั่น ความนอบน้อม การยำเกรง การกลับตัว การขอความช่วยเหลือ การขอความคุ้มครอง การขอความอนุเคราะห์ การเชือดสัตว์ถวาย การบนบาน อื่นๆ ซึ่งอัลลอฮ์ ได้ทรงบัญชาให้ถือปฏิบัติทั้งหมดนั้น เพื่อพระองค์แต่เพียงผู้เดียว

ดังที่ทรงมีพระดำรัสว่า

"และแท้จริงบรรดามัสยิดนั้นเป็นของอัลลอฮ์ ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าวิงวอนผู้ใดเคียงคู่กับอัลลอฮ์"(อัลญิณ : 18)

        ด้วยเหตุนี้ผู้ใดที่ได้หันเหการเคารพักดีไปสู่ผู้อื่นนอกเหนือจากอัลลอฮ์ เขาผู้นั้นจึงเป็นผู้ตั้งภาคีและเป็นผู้ปฏิเสธ ดังที่พระองค์ได้ทรงดำรัสไว้ว่า :

"และผู้ใดวิงวอนขอพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์โดยไม่มีหลักฐานพิสูจน์แก่เขา ในการนี้แท้จริงการไตร่สวน ของเขาอยู่ที่ผู้อภิบาลของเขา แน่แท้ เหล่าผู้ปฏิเสธการศรัทธานั้นจะไม่ประสบผลสำเร็จ" (อัล มุมินูน : 117)

และมีรายงายจากฮะดิษ ดังนี้ "การวิงวอนขอ เป็นสมองของการเคารพภักดี" (ตริมีซีย์)

อัลลอฮ์ ซุบฮาน่าฮุว่า ตะอาลา ได้ทรงตรัสอีกว่า

"จงวิงวอนขอต่อข้า และข้าจะตอบรับแก่พวกเจ้า ส่วนผู้ที่โอหังต่อการเคารพภักดีแก่ข้านั้น จะลงไปอยู่ในนรกอย่างน่าอดสู" (อัลฆอฟิร : 60)

และที่เกี่ยวข้องกับความกลัวนั้นอัลลอฮ์ ซุบฮาน่าฮุว่า ตะอาลา ได้ทรงดำรัสไว้ว่า

"ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าได้กลัวพวกเขา แต่จงกลัวข้าเถิด หากพวกเจ้าเป็นผู้ที่ศรัทธาอย่างแท้จริง" (อะลาอิมรอน : 175)

และที่เกี่ยวข้องกับความหวัง พระองค์ทรงดำรัสไว้ดังนี้

"ดังนั้นผู้ใดหวังจะพบผู้อภิบาลของเขาก็ให้เขาประกอบคุณงามความดี และจงอย่าได้ยกผู้ใดเป็นภาคีในความเคารพภักดี ต่อผู้อภิบาลของเขา" (อัลกัฮฟ : 110)

และที่เกี่ยวข้องกับการมอบหมายนั้นพระองค์ทรงดำรัสไว้ดังนี้

"และแด่อัลลอฮ์ เท่านั้นพวกเจ้าจงมอบหมายหากพวกเจ้าเป็นพวกผู้ศรัทธา" (อัลมาอิดะฮ์ :2-3)

และทรงตรัสอีกว่า

"และผู้ใดมอบหมายต่ออัลลอฮ์ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้ที่พอเพียงแก่เขาแล้ว" (อัฎฏ่อล้าก : 3)

และที่เกี่ยวข้องกับความปราถนา ความหวาดกลัว และ ความนอบน้อม พระองค์ทรงดำรัสไว้ว่า

"แท้จริงพวกเขา (บรรดานะบี) แข่งขันกันในรประกอบคุณงามความดี และพวกเขาขอต่อเราโดยหวังในความเมตตา อีกทั้งยังเกรงกลัวต่อการลงโทษของเรา และพวกเขานั้นเป็นผู้ถ่อมตน และเกรงกลัว"(อัลอัมบิยะฮ์ : 90 )

และที่เกี่ยวกับความกลัวอัลลอฮ์ ซุบฮาน่าฮุว่า ตะอาลา ทรงตรัสว่า

"ดังนั้นพวกเจ้าอย่าเกรงกลัวพวกเขาแต่จงกลัวข้าเถิด" (อัละเกาะเราะฮ์ : 150)

และที่เกี่ยวกับการกลับตัว พระองค์ทรงดำรัสว่า

"และพวกเจ้าจงกลับ(ตัว) ไปสู่พระผู้อภิบาลของเจ้า และจงนอบน้อมต่อพระองค์" (อัซซุมัร : 54)

และที่เกี่ยวกับการขอความช่วยเหลือ พระองค์ทรงตรัสว่า

"และโดยเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่ พวกเขาเคารพอิบาดะฮ์" (อัลฟาติฮะ : 5)

และท่านเราะซูล ได้ชี้แจงอีกว่า เมื่อใดที่ท่านขอความช่วยเหลือ ท่านจงขอความช่วยเหลือต่ออัลลอฮ์

และที่เกี่ยวกับการขอความคุ้มครอง พระองค์ทรงตรัสไว้ดังนี้

"จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่าข้าพระองค์ขอความคุ้มครอง ต่อพระเจ้าแห่งมนุษย์ชาติ" (อันนาส : 1-2)

และที่เกี่ยวกับการขอความอนุเคราะห์พระองค์ทรงดำรัสไว้ว่า

"จงรำลึก ขณะที่พวกเจ้าขอความอนุเคราะห์ต่อพระผู้อภิบาลของเจ้า (ในยามคับขัน) และพระองค์ได้ทรงรับสนองให้แก่พวกเจ้า" (อัลอัมฟาล : 9)

และเกี่ยวกับการเชือดสัตว์ อัลลอฮ์ ซุบฮาน่าฮุว่า ตะอาลา ทรงตรัสว่า

"จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่าแท้จริงการละหมาดของข้า การเชือด(สัตว์) การอิบาดะฮ์ของข้า การมีชีวิตของข้า และการตายของข้านั้นเพื่ออัลลอฮ์ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ไม่มีภาคีใดๆเคียงคู่พระองค์ และโดยสิ่งนี้ข้าพระองค์ได้ถูกใช้ และข้าพระองค์คือคนแรกในหมู่ผู้สวามิภักดิ์ทั้งหลาย"(อัล อันอาม : 162-163)

และท่านเราะซูล ได้กำชับอีกว่า อัลลอฮ์ ทรงสาปแช่งผู้ที่เชืด(สัตว์) เพื่อผู้อื่นที่มิใช่อัลลอฮ์ (มุสลิม)

และที่เกี่ยวกับการบนบาน พระองค์ทรงตรัสไว้ดังนี้

"พวกเขา (บรรดามุมิน) ปฏิบัติตามคำสาบานและเกรงกลัววัน(ชำระบาป-บุญ)ที่ความชั่วร้ายของมันจะกระจายไปทั่ว " (อัลอินซาน : 7)


พิมพ์และเผยแพร่โดย กระทรวงศาสนกิจ ศาสนสมบัติ เผยแพร่และแนะนำ

ด้วยทุนทรัพย์ของ มูลนิธิอิบรอฮีม บินอับดุลอะซีซ อัลบารอฮีม , ซาอุดิอาระเบีย

Click >>>>...หลักสำคัญประการที่สอง