การเข้ารับอิสลามของท่านอุมัรฺ 2
  จำนวนคนเข้าชม  8264

การเข้ารับอิสลามของท่านอุมัรฺ 2

            แล้วนางก็นั่งร้องไห้ ภาพเลือดที่กำลังหลั่งไหลออกมาจากบาดแผลบนศีรษะของน้องสาว กับน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้อุมัรฺสะเทือนใจ รู้สึกตัวในสิ่งที่ทำลงไป จึงเข้าไปหาน้องสาวเช็ดเลือดที่กำลังไหลอยู่นั้นอย่างอ่อนโยน และปลอบนางให้หยุดร้องไห้ ทันใดนั้นอุมัรฺได้เหลือบไปเห็นกระดานไม้ที่วางอยู่ข้างนาง อุมัรฺจึงยื่นมือออกไปเพื่อจะหยิบไม้กระดานแผ่นนั้น แต่ด้วยความไวของนางฟาติมะห์จึงหยิบมันมาได้ก่อน  แล้วรีบซ่อนไว้โดยไม่ยอมมอบให้แก่พี่ชาย อุมัรฺได้สาบานว่าจะคืนให้โดยดี นางจึงบอกว่าในกระดานไม้แผ่นนี้ ได้บันทึกส่วนหนึ่งของคัมภีร์อัลกุรอานอันประเสริฐ ผู้ที่สะอาดเท่านั้นที่สามารถสัมผัสกับอัลกุรอานได้
             ความโกรธได้กลับคืนมาสู่อุมัรฺอีกครั้ง พร้อมกับดึงกระดานไม้แผ่นนั้นมาจากน้องสาวอย่างแรง และอ่านสิ่งที่เขียนอยู่ในนั้นว่า :

 “ด้วยพระนามของอัลเลาะห์ ผู้ทรงกรุณาต่อสรรสิ่งทั้งมวลในโลกนี้ ทรงปราณีเฉพาะผู้ศรัทธาในโลกอาคิเราะห์”

            ถึงตอนนี้มือของอุมัรฺเริ่มสั่นสะท้าน เช่นเดียวกับหัวใจของเขาที่เต้นแรงขึ้น ลมหายใจติดขัด! เขาทิ้งแผ่นกระดานพร้อมกับพูดว่า :

           ไม่...ฉันจะไม่อ่านอีกๆ

นางฟาติมะห์มองพี่ชายแล้วพูดว่า :


           อ่านสิ...ท่านอุมัรฺ และจงเข้าใจสิ่งที่เขียนอยู่ในนั้น หวังว่าพระองค์อัลเลาะห์จะทรงประทานฮิดายะห์ให้แก่ท่าน และให้ใจของท่านอ่อนโยนและเอนเอียงสู่อิสลาม

อุมัรหยิบแผ่นไม้แผ่นนั้นขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มอ่าน :

ด้วยพระนามของอัลเลาะห์ ผู้ทรงกรุณาต่อสรรสิ่งทั้งมวลในโลกนี้ ทรงปราณีเฉพาะผู้ศรัทธาในโลกอาคิเราะห์

         “ฏอฮา เรามิได้ให้อัลกุรอานลงมาแก่เจ้า เพื่อให้เจ้าลำบาก เว้นแต่เป็นการตักเตือนแก่ผู้ที่ยำเกรง (คือมุอฺมินที่ได้รับแสงสว่างจากอัลกุรอาน) เป็นการประทานลงมาจากพระผู้สร้างแผ่นดินและชั้นฟ้าทั้งหลายอันสูงส่ง ผู้ทรงกรุณาปราณี ทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองนั้น และสิ่งที่อยู่ใต้พื้นดินล้วนเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์...”
(ฏอฮา 20 : 1-6)

         ครั้นอุมัรเสร็จสิ้นจากการอ่านอัลกุรอาน ใจของเขาสงบลงมาก รู้สึกอบอุ่นเบิกบานใจขึ้นมาทันที จึงกล่าวขึ้นว่า :

         ช่างเป็นถ้อยคำที่แสนหวานไพเราะนัก พระเจ้าของพวกท่านทรงยิ่งใหญ่นัก ทรงครอบครองท้องฟ้า และสิ่งที่อยู่เหนือจากนั้น แผ่นดินและสิ่งที่อยู่ภายใต้นั้น

อุมัรฺอ่านถ้อยคำที่อยู่ในแผ่นไม้นั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยจิตใจที่นอบน้อมยิ่ง

นางฟาติมะห์จึงเอียงตัวเข้าไปกระซิบที่หูของสามี และพูดว่า :

         อีมานเริ่มเข้าสู่จิตใจของอุมัรแล้ว

          กว่าอุมัรฺจะเสร็จสิ้นการอ่านแผ่นไม้นั้น ใจของเขาก็อ่อนโยนขึ้นมา จนกระทั่งน้ำตาที่ไหลลงมานั้นหยดลงบนกระดานไม้แผ่นนั้น อุมัรฺพูดว่า :

         ที่จริงนี่คือคำพูดของพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าของโลกและมวลประชาโดยแท้

นางฟาติมะห์จึงพูดว่า :
        
         จงเข้ารับอิสลามเถิดอุมัรฺ

อุมัร :
         
           ฉันขอปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์ และฉันปฏิญาณว่า มูฮัมหมัดคือ รอซูลของพระองค์

เมื่อนางฟาติมะห์และสามีได้ยินได้ยินคำปฏิญาณของอุมัรฺก็ได้ตักบีรขึ้นว่า :  อัลลอฮุอักบัรฺ

นางฟาตีมะห์ดีใจและเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ท่านค็อบบ๊าบจึงออกมาและพูดว่า :
 
          จงดีใจเถิดท่านอุมัรฺ เมื่อวานฉันได้ยินท่านนบี กล่าวว่า :


       “โอ้...ข้าแต่อัลเลาะห์ โปรดทรงให้ศาสนาอิสลามได้รับความเจริญก้าวหน้าด้วยคนหนึ่งคนใดจากชายสองคนอันเป็นที่รักแก่พระองค์ด้วยเถิด และท่านนั้นแหละคือหนึ่งในสองคนอันเป็นที่รักแก่พระองค์”

อุมัรฺหันไปถามท่านค็อบบ๊าบว่า :  

         แล้วท่านมูฮัมหมัดอยู่ที่ไหนในตอนนี้?

ท่านค็อบบ๊าบจึงชี้ทางให้อุมัรฺทราบ และบอกว่า :

        ตอนนี้ท่านนบีอยู่กับบรรดาซอฮาบะห์ในบ้านของคนๆหนึ่งซึ่งเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม และท่านกำลังสอนพวกเขาอ่านอัลกุรอาน และสอนให้พวกเขาได้เรียนรู้หลักศาสนาอิสลาม

         อุมัรฺมุ่งหน้าไปบ้านหลังนั้น แล้วเคาะประตู ศอฮาบะห์ท่านหนึ่งลุกขึ้นเพื่อดูว่าใครเป็นผู้เคาะประตู ทันทีที่เห็นว่าคนๆนั้นคืออุมัร ซอฮาบะห์ท่านนั้นถึงกับถอยหลังหลับอย่างตื่นกลัว แล้วกล่าวว่า :

          อุมัรฺ...อุมัรฺ 

บรรดามุสลิมที่ได้ยินชื่ออุมัรฺถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัว เพราะแน่ใจว่าสิ่งชั่วร้ายกำลังจะประสบแก่พวกเขา....แต่ท่านรอซูล กล่าวขึ้นว่า :

          เปิดประตูให้เขาเถิด หากอัลเลาะห์ประสงค์ให้สิ่งดีประสบแก่เขา พระองค์ก็จะทรงฮิดายะห์ให้แก่เขา

และเมื่อประตูเปิดออก อุมัรฺได้เดินตรงมายังท่านนบีด้วยความสภาพที่เคารพและนอบน้อมผิดปกติ

ท่านรอซูลจึงถามว่า :

         ท่านมาทำไมหรือ โอ้...บุตรของ อัล-ค็อฏฏอบ?

อุมัรฺ :
   
            ฉันมาเพื่อคารวะท่าน และประกาศตนเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม พร้อมกับปฏิญาณตนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์อัลเลาะห์ และท่านคือรอซูลของพระองค์

          ทันใดนั้นบรรดามุสลิมก็ได้ตักบีรขึ้นพร้อมกันอย่างยาวนานด้วยความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกับเข้าไปแสดงความยินดีกับท่านอุมัรฺอย่างที่พวกเขาแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน

หลังจากนั้นท่านอุมัรได้มาหาท่านรอซูล และกล่าวแก่ท่านว่า :

           โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ เราอยู่ในหนทางที่ถูกต้องใช่ไหม?

ท่านรอซูล :

            ใช่แล้ว

อุมัรฺ :

            ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เหตุใดเราจึงต้องหลบซ่อนเพราะศาสนาของเราด้วยเล่า?

ท่านรอซูล :

            เรามีจำนวนน้อย โอ้...อุมัรฺ อีกอย่างเธอก็รู้ดีถึงความยากลำบากที่ประสบกับเราอยู่ในตอนนี้จากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา

อุมัรฺ :
       
           โปรดอนุญาตให้พวกเราออกไปรวมกำลังที่กะอฺบะห์ เพื่อให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้เห็นความแข็งแกร่งของพวกเรา พวกเขาเหล่านั้นจะได้กลัวเกรง และอัลเลาะห์จะทรงอยู่เคียงข้างเรา พระองค์ทรงสามารถทำให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจของพวกเขา!

            เมื่อท่านนบี ตกลงอนุญาตบรรดามุสลิมจะนวน 40 คน จึงพากันออกมาโดยแบ่งเป็นสองแถว อุมัรนำหน้าแถวหนึ่ง ส่วนอีกแถวก็คือ ท่านฮัมซะห์ซึ่งเป็นลุงของท่านรอซูล ในขณะที่พวกมุสลิมเดินเข้าไปในกะอฺบะห์ พวกกุฟฟาร (ผู้ปฏิเสธศรัทธา) ก็อยู่รอบๆนั้นด้วย และเมื่อพวกเขาเห็นอุมัรฺอยู่ต่อหน้าบรรดามุสลิม พวกเขาถึงกับกัดนิ้วมือของตัวเองด้วยความโกรธแค้น ชาวมุสลิมได้ทำการละหมาดอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าพวกกุฟฟาร ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาไม่กล้ากระทำเช่นนั้นมาก่อนเลย  ด้วยเหตุนี้มุสลิมจึงมีความเจริญด้วยการเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามของอุมัรฺนั่นเอง

            จากวันนั้นมักกะห์จึงถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย เห็นได้ชัดเจนคือ ฝ่ายมุอฺมิน และฝ่ายกาฟิรฺ ท่านนบีได้ตั้งฉายาให้อุมัรฺว่า “อัลฟารูก” หมายถึง ผู้จำแนกระหว่างความจริงและความเท็จ ทั้งนี้เพราะอุมัรฺเป็นสาเหตุแห่งการเชิดหน้าชูตาของชาวมุสลิม และทำให้ชาวมุสลิมมีเอกลักษณ์พิเศษคือ การแยกตัวออกจากกุฟฟ๊ารฺได้

 

วัสสลาม

 

Click<<<   การเข้ารับอิสลามของท่านอุมัรฺ   1

            

เผยแพร่โดย : สายสัมพันธ์