ความประเสริฐของ “อะฮฺลุ้ลบัยติ” ที่ปรากฏอยู่ในอัลกุรอาน
  จำนวนคนเข้าชม  5736

فضلُ أَهْلِ البيتِ في القرآن الكريم

  ความประเสริฐของ “อะฮฺลุ้ลบัยติ”

        ที่ปรากฏอยู่ในอัลกุรอาน

 

 

อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงกล่าวว่า :

          โอ้ ผู้เป็นนบี เจ้าจงกล่าวแก่บรรดาภรรยาของเจ้าเถิดว่า หากพวกเธอปรารถนาชีวิตการเป็นอยู่ในโลกนี้ และความงดงามของมัน ก็จงรีบมาเถิด ฉันจะทดแทนความสุขให้พวกเธอโดยให้ความเป็นอิสระและจะปล่อยพวกเธอไปอย่างดีงาม (28)

         และถ้าพวกเธอต้องการอัลลอฮ์ และร่อซูลของพระองค์ และอาคิเราะฮ์แล้ว แท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงตระเตรียมไว้แล้วซึ่งรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่บรรดาสตรีที่มีคุณธรรมอันงดงามในหมู่พวกเธอ (29)

         โอ้บรรดาภรรยาของนบีเอ๋ย ผู้ใดในหมู่พวกเธอนำสิ่งลามกมาปรากฏอย่างชัดเจนแล้ว การลงโทษจะถูกเพิ่มแก่พวกนางเป็นทวีคูณถึงสองเท่า และนั่นเป็นที่ง่ายดายสำหรับอัลลอฮ์ (30)

 

         และผู้ใดในหมู่พวกเธอเชื่อฟังต่ออัลลอฮ์ และร่อซูลของพระองค์ และปฏิบัติการงานที่ดีงาม เรา(อัลลอฮ์)จะให้รางวัลแก่พวกเธอสองครั้ง และเราได้ตระเตรียมสิ่งยังชีพอันดีงามไว้แล้วให้แก่พวกเธอ (31)

         โอ้บรรดาภรรยาของนบีเอ๋ย พวกเธอมิใช่อย่างกับสตรีอื่นๆในหมู่สตรีทั้งหลาย หากพวกเธอกลัวเกรง ก็ไม่สมควรใช้คำพูดอ่อนหวาน เพราะมันจะทำให้ผู้ที่ในหัวใจของเขามีโรค(ชนิดหนึ่ง) เกิดทะเยอทะยาน แต่จงใช้คำพูดที่เหมาะสมดีงาม (32) 

         และจงประจำอยู่ในบ้านของพวกเธอ และจงอย่าออกมาอวดความงามเหมือนอย่างการอวดความงาม(ของสตรี) ในยุคงมงาย(ญาฮิลีญะฮ์) ในยุคต้นๆก่อนอิสลาม และพวกเธอจงดำรงการละหมาด และจงชำระซะกาต และจงเชื่อฟังอัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ ที่จริงอัลลอฮ์ทรงต้องการจะลบล้างความผิดให้หมดไปจากพวกเธอ โอ้! บรรดาวงศ์วาน(บรรดาภรรยาของนบี) และพระองค์ทรงต้องการชำระพวกเจ้าให้สะอาดบริสุทธิ์จากความผิดนั้นอย่างแท้จริง (33)

         และพวกเธอจงกล่าวรำลึกถึงสิ่งที่ถูกนำมาอ่านภายในบ้านของพวกเธอจากอายะฮ์ต่างๆของอัลลอฮ์(อายะฮฺอัล-กุรอาน) และอัลฮิกมะฮ์(ซุนนะฮฺของท่านรอซูล) แท้จริง อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงนุ่มนวล อ่อนโยน ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง (34)

 

(ซูเราะฮฺ อัลอะฮ์ซ๊าบ : 28-34)

 

 

ดำรัสของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาที่ว่า :

 

           ที่จริง อัลลอฮ์ทรงต้องการจะลบล้างความผิดให้หมดไปจากพวกเธอ โอ้! บรรดาวงศ์วาน(บรรดาภรรยาของนบี) และพระองค์ทรงต้องการชำระพวกเจ้าให้สะอาดบริสุทธิ์จากความผิดนั้นอย่างแท้จริง  (อัลอะฮฺซ๊าบ : 33)

          ดำรัสนี้บ่งบอกถึงความประเสริฐของวงศ์ญาติใกล้ชิดกับท่านรอซูล  ของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และพวกเหล่านั้นเป็นผู้ที่ซอดะเกาะฮ์(เงินบริจาค)เป็นที่ต้องห้าม(ฮะรอม)แก่พวกเขา  บุคคลที่ถูกระบุโดยเฉพาะจากวงศ์วานของท่านนะบีในที่นี้คือ บรรดาภรรยา และลูกหลาน เหลน ของท่านร่อซูล ดังที่ได้ให้รายละเอียดมาแล้ว

          บรรดาอายาตบ่งชี้ชัดถึงความประเสริฐอื่นๆอีกมากมาย สำหรับบรรดาภรรยาของท่านรอซูล

          การให้เธอเหล่านั้นพิจารณาว่า ระหว่างโลกนี้ที่มีความงดงาม กับอัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์อีกทั้งโลกอาคิเราะฮ์นั้น พวกเธอจะเลือกเอาอย่างใด แต่ถ้าเธอเลือกอัลลอฮ์ ร่อซูลของอัลลอฮ์ และโลกอาคิเราะฮ์แล้ว อัลลอฮ์ก็ทรงพอพระทัยต่อพวกเธอ และเธอก็จะพึงพอใจในพระองค์

ดำรัสของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา บ่งชี้ชัดถึงความประเสริฐของบรรดาภรรยาว่า :

           ...และบรรดาภรรยาของเขา(นบี) คือมารดาของพวกเขา(ผู้ศรัทธา)... (อัลอะฮฺซ๊าบ : 6)

          แท้จริง อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงบอกลักษณะไว้อย่างชัดเจนว่าแล้วว่า พวกเธอนั้นเป็นมารดาของบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย

และส่วนดำรัสของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ว่า :

          นั่นคือ (ความโปรดปราน) อัลลอฮ์ทรงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของพระองค์ ซึ่งพวกเขาได้ศรัทธาและปฏิบัติความดีต่างๆ จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ฉันจะไม่ขอค่าตอบแทนใดๆเลยต่อการเผยแพร่นี้ นอกจากเพื่อต้องการความรักความเป็นมิตรที่ดีในเครือญาติเท่านั้น และผู้ใดประกอบความดีงาม เรา(อัลลอฮ์)จะเพิ่มความดีให้มากขึ้นแก่เขาผู้นั้น แท้จริง อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงชื่นชมต่อการกระทำเพียงเล็กน้อยด้วยการตอบแทนรางวัลอย่างมากมาย  (ซูเราะฮฺอัชชูรอ : 23)


          ดังนั้น ความถูกต้องของจุดมุ่งหมายตามความหมายของอายะฮ์นี้คือ “บุคคลในตระกูลกุเรช” ตามที่มีปรากฏรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในซอเฮี๊ยะฮ์ อัลบุคอรีย์ (เลขที่ 4818)

          จากรายงานของท่าน อับดุลลอฮ์ อิบนุ อับบ๊าส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา ซึ่งท่านอิมามอัลบุคอรีย์ กล่าวว่า : มฺฮัมมัด บุตรบัซซ๊ารฺ พูดกับฉันว่า เขาได้ยินมุฮัมมัด บุตรของญะอฺฟัรฺ พูดว่า เขา(ญะอฺฟัร) ได้ยิน ชุอฺบะฮฺ พูดกับเราว่า ได้ยินมาจากอับดุลมะลิก อิบนิ มัยซะเราะฮ์ ว่า ฉันได้ยินตอวูซ ซึ่งเขาได้ยินมาจาก อิบนุ อับบ๊าส ว่า

         ท่านถูกถามถึงดำรัสของอัลลอฮ์ที่ว่า :

          ...นอกจากเพื่อต้องการความรัก ความเป็นมิตรในเครือญาติเท่านั้น... (ซูเราะฮฺอัชชูรอ : 23)

          แล้วท่านสะอี๊ด บุตร ญุบัยรฺ ก็พูดขึ้นว่าคำว่า “กุรบา” ในอายะฮ์นี้นั้น หมายถึง “วงศ์วานของท่านนบี มุฮัมมัด

          ท่านอิบนุ อับบ๊าส ได้กล่าวแก่ท่านสะอี๊ดว่า “ท่านให้ความหมายเร็วไป แท้จริง ท่านนบี ไม่ได้เกิดมาจากตระกูลกุเรช นอกจากท่านมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับพวกเหล่านั้น เพราะท่านกล่าวว่า “นอกจากเพียงเพื่อให้พวกท่านทั้งหลายมีการเชื่อมสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติกับพวกเหล่านั้น เพราะท่านกล่าวว่า “นอกจากเพียงเพื่อให้ท่านทั้งหลายมีการเชื่อมสัมพันธ์(กอรอบะฮ์) กันระหว่างฉันกับพวกท่านในฐานะเป็นเครือญาติกัน”

          ท่าน อิบนุ กะซี๊ร ได้อธิบายความหมายของอายะฮฺนี้ว่า : ความหมายคือ “โอ้ มุฮัมมัด เจ้าจงพูดกับบรรดาผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ในหมู่ผู้ปฏิเสธศรัทธาจากพวกกุเรชนั้นเถิดว่า ฉันไม่ต้องการให้พวกท่านมอบทรัพย์สินใดๆ แก่ฉัน เพื่อตอบแทนการเผยแพร่สาส์นจากพระผู้เป็นเจ้าของฉัน แม้พวกท่านจะไม่ช่วยเหลือสนับสนุนฉัน แต่ก็อย่าได้ทำร้ายฉันเลย อันเนื่องจากระหว่างฉันกับพวกท่านนั้นมีความเป็นเครือญาติ มีความเป็นมิตรกันอยู่”

          แล้วท่านอิบนุ กะซี๊รฺ ได้นำเอาฮะดีษของท่านอิบนุ อับบ๊าส ดังกล่าวมาระบุปิดท้าย

          และส่วน “พวกอะฮฺลุลอะฮฺว๊าอฺ” (พวกตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ) บางคน เจาะจงในอายะฮฺว่า “เพียงเฉพาะท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ท่านอะลีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา และทายาทผู้สืบเชื้อสายของท่านทั้งสองเท่านั้น” จึงไม่ถูกต้องเลย เพราะอายะฮฺนี้ถูกประทานลงมาที่นครมักกะฮ์ แท้จริง ท่านอะลีย์ได้ทำการสมรสกับท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา ที่นครอัลมะดีนะฮ์ !

          แล้วท่านอิบนุ กะซี๊ร ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวว่า “และการที่มีการระบุว่าอายะฮ์นี้ประทานลงมา ณ นครอัลมะดีนะฮ์ ถือเป็นเรื่องที่ห่างไกลมาก เพราะแท้จริง อายะฮ์นี้ เป็นอายะฮ์มักกียะฮ์ (ประทานที่มักกะฮ์) และในช่วงระยะเวลานั้น ยังมิปรากฏว่า ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา มีบุตรเลย แม้แต่สักคนเดียว เพราะท่านเองยังมิได้สมรสกับท่านอะลีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ แต่ทั้งสองได้ทำการสมรสกันหลังจากสงครามบัดร ในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 2 (ที่มะดีนะฮ์)”

          และที่ถูกต้องคือ การขยายความของอายะฮ์นี้เป็นไปตามที่ปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ตัรญุมานุลกุรอาน” (ผู้ถ่ายทอดความหมายของอัลกุรอาน คือ ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ อับบ๊าส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) ดังที่ท่านอิมามบุคอรีย์ได้บันทึกเอาไว้ และหลังจากนั้น ท่านได้ระบุสิ่งที่บ่งบอกถึงความประเสริฐของวงศ์วานของท่านร่อซูล ที่มีมาจาก “อัซซุนนะฮ์” และจากรายงานต่างๆ ที่เป็นคำพูดของท่านอบูบักรฺ และท่านอุมัรฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา อีกด้วย

  ประเด็นต่างๆในการศึกษา

ความประเสริฐ และฐานะอันสูงส่งของ “อะฮฺลุ้ลบัยติ”  ณ อะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ