ความพยายามของบรรดาเศาะหาบะฮฺ ในการรวบรวมอัลกุรอาน
  จำนวนคนเข้าชม  4782

ความพยายามของบรรดาเศาะหาบะฮฺ ในการรวบรวมอัลกุรอาน

โดย...ยูซุฟ  อบูบักร

เสมือนคำนำ

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตายิ่ง

 

          ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเฉกเช่นปัจจุบัน ความเจริญรุดหน้าทางด้านวัตถุและการรุกคืบของเทคโนโลยี สารสนเทศ มีบทบาทอย่างสูงต่อวิถีชีวิตมนุษย์ ในขณะที่ด้านศีลธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณกลับลดน้อยถอยลง วันนี้จึงเป็นปลายยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความมืดบอด ผู้คนจำนวนมากจมปลักอยู่กับภาพมายาหลอกลวง ต่างดิ้นรนตะเกียกตะกายหาวัตถุมาหุ้มประดับแห่งกายตน และผลสุดท้ายของความก้าวหน้าทางด้านวัตถุที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ฉุดกระชากหัวใจผู้คนดิ่งสู่หุบเหวของความตกต่ำ ส่งผลให้สังคมเผชิญหน้ากับวิกฤติทางด้านต่างๆ


          การที่เราต้องกลับมายืนเผชิญหน้ากับโลกแห่งความเป็นจริง เพื่อตัวเองและผู้คนที่อยู่รายล้อมได้ปลอดภัยทั้งในโลกดุนยาอันแสนวุ่นวายและโลกอาคิเราะฮฺที่จีรัง จึงเป็นภารกิจที่พวกเราต้องร่วมกันแสวงหา ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่จะนำพวกเราไปสู่ความสำเร็จได้คือ การกลับไปสู่การยึดมั่นตามแนวทางของอัลกุรอานและจริยวัตรของท่านรอสูลุลลอฮฺอย่างเต็มรูปแบบ งานเขียนชิ้นเพื่อนำเสนอถึงความทุ่มเทพยายามของบรรดากัลยาณชน (เศาะหาบะฮฺ) ในการจัดเก็บ รวบรวม บันทึกอัลกุรอาน นับว่าเป็นการสร้างคุณูปการอย่างยิ่งใหญ่แก่มวลมุสลิมรุ่นหลัง และขณะเดียวกันเพื่อนำเสนอข้อมูลทางวิชาการแก่สาธารณชนพร้อมทั้งเป็นการชำระประวัติศาสตร์บางตอนที่ถูกบิดเบือน หรือถูกใส่ไคล้จากศัตรูของอิสลาม   

          และเหตุผลอีกประการหนึ่งเพราะต้องการที่จะมีส่วนร่วมกับโครงการดีๆ ที่ทางฝ่ายศาสนาและวัฒนธรรมสถานทูตซาอุดิอารเบียจัดขึ้น ซึ่งมีไม่บ่อยครั้งนักในสยามประเทศ หวังว่าผู้อ่านคงได้รับความเข้าใจในระดับหนึ่ง และจะช่วยสร้างความกระจ่างในบางประเด็นปัญหาที่กำลังเป็นข้อพิพาทอยู่

 

บทนำ

          อิสลาม คือ ศาสนาของอัลลอฮฺ ที่พระองค์ทรงประทานคัมภีร์ฉบับสุดท้ายเพื่ออธิบายแจกแจงหลักธรรมคำสอนของศาสนา พระองค์ยังทรงแต่งตั้งรอสูลเพื่อนำพามวลมนุษยชาติออกจากความมืดมนสู่หนทางแห่งแสงสว่าง และจากความหลงผิดสู่ทางนำแห่งสัจธรรมด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺ บทบัญญัติในอิสลามได้ประมวลคำสอนอันประกอบด้วยคำสั่งใช้ คำสั่งห้าม และคำบอกกล่าวที่ประกาศโดยนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ผ่านคำวิวรณ์ (วะหฺยู) จากอัลลอฮฺ เพื่อตอบสนองความต้องการตามสัญชาติญาณดั้งเดิมของมวลมนุษยชาติต่อการกำหนดวิถีชีวิตให้ประสบความสำเร็จเพื่อจะได้มีความสุข-สำเร็จทั้งโลกดุนยานี้และโลกอาคิเราะฮฺ

อัลกุรอานและสุนนะฮฺจึงเป็นแหล่งที่มาของบทบัญญัติสำคัญสอง ประการที่ได้รับการคุ้มครองจากอัลลอฮฺ และทั้งสองหลักดังกล่าวเป็นแหล่งที่มาของบทบัญญัติศาสนาที่ครอบคลุมเรื่องราวในศาสนาอิสลามทั้งหมด มุสลิมในทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่ยุคท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มาถึงยุคปัจจุบันและจนกระทั่งถึงวันกิยามะฮฺ


          อัลกุรอาน ถือเป็นมหาคัมภีร์อันสูงส่งของศาสนาอิสลาม เป็นธรรมนูญที่ใช้ในการดำเนินวีถีชีวิตของมวลมุสลิมทั่วทุกมุมโลก มีหลักธรรมคำสอนที่คลอบคลุมในทุกมิติ เป็นแหล่งกำเนิดของศิลป์และศาสตร์แขนงสาขาต่าง ๆ เป็นคัมภีร์แห่งชีวิตที่บรรดามุสลิมได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ต่างมุ่งมั่นในการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจให้ถึงแก่นแท้อย่างละเอียดเจาะลึก พยายามท่องจำ ทำความเข้าใจความหมาย เพื่อนำมาพิจารณาใคร่ครวญและก้าวสู่การปฏิบัติ อัลกุรอานจึงเป็นคัมภีร์ที่อยู่ในหัวใจของบรรดามุสลิมทุกยุค ทุกสมัย พวกเขาต่างพยายามปกปักษ์รักษาและหวงแหนมาโดยตลอด ด้วยกับคุณลักษณะอันโดดเด่นดังที่กล่าวมาอัลกุรอานจึงมีบทบาทและอิทธิพลอย่างสูงส่งต่อการสร้างความเปี่ยมสุข ความสันติภาพให้ปรากฏขึ้นบนผืนโลกใบนี้


          เมื่อเราได้ศึกษาคัมภีร์อัลกุรอานอย่างพิจารณาใคร่ครวญ จะพบได้ว่าอัลกุรอานได้บอกเรื่องราวต่างๆ ไว้อย่างครอบคลุมสมบูรณ์ จะเป็นคำตอบของทุกคำถาม ให้ความสำคัญต่อความเป็นเอกภาพของผู้คนในสังคมเป็นอย่างมาก และได้ประณามความแตกแยกโดยคาดโทษไว้อย่างรุนแรง ได้บอกถึงการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น การสร้างปฏิสัมพันธ์อันดีงามระหว่างมวลมนุษยชาติ หรือบอกแม้กระทั่งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศน์วิทยาที่มนุษย์ต้องพึ่งพา ขณะเดียวกันอัลกุรอานก็ได้ห้ามปรามและกำหนดบทลงโทษอย่างหนักต่อการกระทำสิ่งที่ขัดขวางในเรื่องของความดีงาม และการนำมวลมนุษยชาติไปสู่ความโกลาหลวุ่นวายและความโหดร้ายทารุณ

 

 

นิยามอัลกุรอาน....>>>>....Click next