สังคมแห่งการรุกั้วะและสุญูด
  จำนวนคนเข้าชม  6134

 

สังคมแห่งการรุกั้วะและสุญูด


 

ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา 


 

          มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ความศานติสถาพรขอจงประสบแด่นบีมุฮัมมัดผู้ถูกส่งมาเพื่อแผ่ความเมตตาสู่สากลโลก ตอลดจนวงศ์วานและเศาะหาบะฮฺทั้งหลายของท่าน
 

          สังคมของท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นสังคมที่ได้รับการตั้งสมญาโดยอัลกุรอานว่าเป็น “สังคมแห่งการรุกั้วะและสุญูด” หมายความว่าเป็นสังคมที่ชอบรุกู้วและสุญูด (หมายถึงละหมาด) โดยพร้อมเพรียงกัน นี่คือลักษณะการดำรงละหมาด โดยเฉพาะละหมาดฟัรฎูทั้งห้าเวลา ทั้งที่เป็นการละหมาดในช่วงกลางวันและช่วงกลางคืน เพราะละหมาดฟัรฎูในรูปแบบญะมาอะฮฺจะได้รับการเป็นสักขีพยาน
 

ดังคำตรัสของอัลลอฮฺที่ว่า

 

“ท่านจะเห็นพวกเขาอยู่ในสภาพที่รุกั้วะ และสุญูด เพื่อแสวงหาความดีและความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ” 
 

(อัลฟัตหฺ 48:29)
 

          หมายความว่า ท่านจะเห็นพวกเขาตั้งมั่นอยู่ในการอิบาดะฮฺทั้งรุกั้วะและสุญูดโดยคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมในผลตอบแทนจากอัลลอฮฺ รวมทั้งความโปรดปรานจากพระองค์

 

          สังคมของเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะอยู่ในสภาพที่รุกั้วะและสุญูดโดยพร้อมเพรียงกันอยู่ตลอดเวลา หลังจากนั้นพวกเขาก็จะแยกย้ายกันออกไปหาความประเสริฐของอัลลอฮฺ (ปัจจัยยังชีพ) และความโปรดปรานของพระองค์ด้วยความขะมักเขม้นและจริงจัง ตามภาระงานและหน้าที่ต่างๆของแต่ละคน เช่น เรียน สอน ค้าขาย และอื่นๆ

 

          ส่วนละหมาดสุนัต โดยเฉพาะละหมาดกลางคืน (กิยามุลลัยล์) จะเป็นการละหมาดในรูปแบบส่วนบุคคล ยกเว้นละหมาดตะรอวีหฺ ซึ่งโดยปกติแล้วบุคคลทั่วไปไม่สามารถเป็นสักขีพยานต่อการละหมาดประเภทนี้ได้
 

อัลลอฮฺตรัสว่า

 

“ผู้ที่ทำการภักดีในยามค่ำคืน ในสภาพที่สุญูด และยืนละหมาด โดยที่เขาหวั่นเกรงต่อโลกอาคิเราะฮฺ

และหวังความเมตตาของพระผู้อภิบาลของเขา (จะมีเกียรติเท่ากับผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติเช่นนั้นกระนั้นหรือ?)

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า บรรดาผู้ที่รู้ถึงแก่นแท้ของอัลลอฮฺและแก่นแท้ของตัวเองและบรรดาผู้ไม่รู้จะเท่าเทียมกันกระนั้นหรือ?

แท้จริงบรรดาผู้มีสติปัญญาอันบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะรำลึกถึงอัลลอฮฺเสมอ” 
 

(อัซซุมัร 39:9)

 

          เพื่อให้มุสลิมทุกคนแสดงออกถึงคุณลักษณะต่างๆดังกล่าว ข้าพเจ้าขอเชิญชวนให้ทุกคนยึดมั่นปฏิบัติกับการละหมาดฟัรฎูในรูปของญะมาอะฮฺ พยายามอยู่ในมัสยิดอย่างน้อยขณะกำลังอิกอมะฮฺ และดำรงการละหมาดด้วยความสำรวมตน พร้อมกับยึดมั่นปฏิบัติกับละหมาดสุนัตต่างๆ เพราะจุดยืนของคนต่อการละหมาดนั้นมีด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ


 

          (1) ผู้ปฏิเสธศรัทธา (กาฟิร) พวกเขาจะไม่ดำรงการละหมาด ดังคำตรัสของอัลลอฮฺเกี่ยวกับพวกเขาว่า

 

“ผู้ปฏิเสธศรัทธาจะไม่เชื่อและไม่ดำรงละหมาด”
 

(อัลกิยามะฮฺ 75:31)


 

          (2) ผู้กลับกลอก (มุนาฟิก) พวกเขาจะดำรงการละหมาดด้วยความเกียจคร้าน ดังคำตรัสของอัลลอฮฺเกี่ยวกับพวกเขาว่า

“และเมื่อบรรดาผู้กลับกลอกดำรงละหมาด พวกเขาจะดำรงละหมาดด้วยความเกียจคร้าน

เพื่อให้ผู้คนเห็น (ว่าพวกเขาละหมาด) และพวกเขาจะไม่กล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺ นอกจากเพียงน้อยนิดเท่านั้น” 
 

(อันนิสาอ์ 4:142)


          (3) ผู้ศรัทธา (มุอ์มิน) พวกเขาจะดำรงการละหมาดด้วยความคุชูอฺและสำรวมตน ไม่ขี้เกียจและไม่หลงลืม ดังคำตรัสของอัลลอฮฺเกี่ยวกับคุณลักษณะของพวกเขาว่า


“แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาได้ประสบความสำเร็จแล้ว ผู้ซึ่งมีความนอบน้อมถ่อมตนในละหมาดของพวกเขา” 

(อัลมุอ์มินูน 23:1-2)

          การละหมาดที่คุชูอฺหมายถึงการละหมาดของคนใดคนหนึ่งที่จิตใจของเขามีความนอบน้อมและสิโรราบต่อความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺอยู่ตลอดเวลา โดยเขาจะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาในทุกๆอิริยาบทของการอ่านและการกระกระทำในละหมาดของเขา


 

จำนวนร็อกอัตและสุญูดของสังคมแห่งการรุกู้วะและสุญูด

         ตามซุนนะฮฺของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และซุนนะฮฺของบรรดาเคาะลีฟะฮฺผู้ทรงธรรมเกี่ยวกับจำนวนร็อกอัตและสุญูดละหมาดประจำวัน ทั้งกลางวันและกลางคืนของพวกเขาคือ 50 ร็อกอัต หรือ 100 สุญูด เป็นอย่างน้อย ตามรายละเอียดต่อไปนี้

 

(1) ละหมาดฟัรฎูจำนวน 17 ร็อกอัต คือ

- ศุบหฺ 2 ร็อกอัต

- ซุฮรฺ 4 ร็อกอัต

- อัศรฺ 4 ร็อกอัต

- มัฆริบ 3 ร็อกอัต

- อิชาอ์ 4 ร็อกอัต

รวม 17 ร็อกอัต (34 สุญูด)

 

(2) ละหมาดสุนัตเราะวาติบจำนวน 20 ร็อกอัต คือ

- ก่อนศุบหฺ 2 ร็อกอัต

- ก่อนซุฮรฺ 4 ร็อกอัต

- หลังซุฮรฺ 4 ร็อกอัต

- ก่อนอัศรฺ 4 ร็อกอัต

- ก่อนมัฆริบ 2 ร็อกอัต

- หลังมัฆริบ 2 ร็อกอัต

- หลังอิชาอ์ 2 ร็อกอัต

รวม 20 ร็อกอัต (40 สุญูด) หรือ 22 ร็อกอัต (44 สุญูด) ด้วยการเพิ่มละหมาดสุนัตก่อนอิชาอ์อีก 2 ร็อกอัต

 

(3) ละหมาดสุนัตกิยามุลลัลยล์ หรือตะฮัจญุด หรือตะรอวีหฺ หรือวิติร จำนวน 11-13 ร็อกอัต (22-26 สุญูด)

 

(4) ยังมีละหมาดสุนัตอื่นๆอีกจำนวนหนึ่งที่มีระบุในหะดีษเศาะฮีหฺ เช่น สุนัตดุฮา สุนัตเอาวาบีน สุนัตตะฮียะฮฺมัสยิด สุนัตวุดูอ์ และอื่นๆ


 

ละหมาดตามซุนนะฮฺ


          แบบอย่างการละหมาดที่สมบูรณ์ที่สุดคือการละหมาดของท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านกล่าวว่า


>صَلُّوْا كَمَا رَأَيْتُمُوْ ِنْي أُصَلِّيْ<

“พวกท่านจงดำรงละหมาดดัง (รูปแบบ) ที่พวกท่านได้เห็นฉันดำรงละหมาด”

 (อัลบุคอรีย์ 631, 6008, 7246)

         ส่วนบรรดาอิหม่ามมัซฮับมีหน้าที่เป็นอาจารย์คอยชี้แจงให้ปวงชนทราบถึงรายละเอียดของวิธีการละหมาดที่ถูกต้องตามซุนนะฮฺของท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม


 

การละหมาดของผู้ที่จะจากลา


ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า


>صَلِّ صَلَاةَ مُوَدِّعٍ كَأَنَّكَ تَرَاهُ فَإِنْ كُنْتَ لَا تَرَاهُ فَإِنَّهُ يَرَاكَ<
 

“จงดำรงละหมาดเสมือนกับการละหมาด (ครั้งสุดท้าย)ของผู้ที่กำลังจะจากลามัน จากลาโลกนี้ไป

(นั่นคือ) การละหมาดที่เสมือนกับว่าท่านเห็นอัลลอฮฺ เพราะถึงว่าท่านจะไม่เห็นอัลลอฮฺ แต่อัลลอฮฺจะทรงมองเห็นท่านเสมอ” 
 

ในอีกรายงานหนึ่งระบุว่า

 “การละหมาดที่เสมือนกับว่าท่านจะไม่มีโอกาสละหมาดอีกแล้วหลังจากนั้น”
 

(อัลอะหาดีษ อัศเศาะฮีหะฮฺ ของอัลบานีย์ 1914)

 

ละหมาดตะรอวีหฺพร้อมกับอิหม่าม

ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า


>مَنْ قَامَ مَعَ الإِمَامِ حَتَّى يَنْصَرِفَ كُتِبَ لَهُ قِيَامُ لَيْلَةٍ<

“ผู้ดำรงละหมาดกลางคืน (กิยามุลลัยล์ หรือละหมาดตะรอวีหฺ) พร้อมกับอิหม่ามจนกระทั่งเสร็จสิ้น

เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับการดำรงละหมาดตลอดทั้งคืน” 
 

(อัตติรมิซีย์ 806: หะสัน)

 

 

 



อุษมาน ยูโซะ ถอดความ