อัศศิรอฏ สะพานข้ามนรกสู่สวรรค์
  จำนวนคนเข้าชม  7169


อัศศิรอฏ สะพานข้ามนรกสู่สวรรค์

 

คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ

 

           ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีอัตตักวา คือมีความยำเกรงต่อพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น ดังนั้น เราจึงต้องสร้างความยำเกรงต่อพระองค์ให้เกิดขึ้นในหัวใจของเราอย่างจริงจัง โดยการศึกษา แสวงหาความรู้ในเรื่องราวของบทบัญญัติศาสนา พยายามทำความเข้าใจ และนำมาสู่การปฏิบัติ ด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และในขณะเดียวกัน ก็ต้องออกห่างจากคำสั่งห้ามของพระองค์ และพยายามทำให้สุดกำลังความสามารถของเรา 

 

          เพราะเมื่อเรายำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างจริงจังแล้ว เมื่อเรามีปัญหาในเรื่องอะไร พระองค์ก็จะทรงให้ทางออกแก่เรา จะประทานปัจจัยยังชีพแก่เรา จะทรงลบล้างความชั่วความผิดบาปออกจากตัวเรา จะทรงอภัยโทษให้แก่เรา จะทรงให้เราเป็นผู้ที่รู้จักแยกแยะความจริงกับความเท็จ แท้จริง อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเป็นผู้โปรดปรานที่ยิ่งใหญ่

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย คุฏบะฮฺวันนี้ ยังคงอยู่ในเรื่องราวของกระบวนการต่างๆที่จะเกิดขึ้นในวันกิยามะฮฺ ตามที่อุละมาอ์อะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺได้เรียบเรียงและจัดลำดับขั้นตอนไว้ สำหรับวันนี้ เรื่องราวจะอยู่ในช่วงสุดท้ายของการรวมตัวกัน ทุ่งมะห์ชัรแล้ว เมื่อบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและบรรดามุชริกีน ทั้งหมดตกนรกไปเป็นกลุ่มๆเป็นพวกแรก 

 

          ทุ่งมะห์ชัรในขณะนั้นก็จะเหลือแต่บรรดามุอ์มินกับบรรดามุนาฟิก ดังนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงทำการทดสอบเพื่อแยกบุคคลที่เหลืออยู่ ว่าใครเป็นมุอ์มิน และใครเป็นมุนาฟิก โดยการที่พระองค์ทรงเผยหน้าแข้งของพระองค์ออกมา ครั้นเมื่อบรรดามุอ์มินเห็นหน้าแข้งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ต่างก็ทราบทันทีว่า นั่นคือ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา บรรดามุอ์มินจึงพากันสุญูดโดยทันที ในขณะที่บรรดามุนาฟิกจะไม่รู้จัก ไม่ทราบว่า นั่นคือ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แต่เมื่อบรรดามุนาฟิกเห็นบรรดามุอ์มินสุญูดกัน ก็จะพากันสุญูดตาม เหมือนกับตอนที่พวกเขาอยู่บนโลกดุนยา ที่พวกเขาก็มักจะเลียนแบบสิ่งที่มุอ์มินทำกัน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสุญูดได้ ...นี่จึงเป็นหลักฐานให้บรรดามุนาฟิกได้ตระหนักในความกลับกลอก ความสัปปลับในการเป็นมุนาฟิก เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกของตัวเอง

 

          เมื่อหลักฐานได้ประจักษ์แล้วว่า ใครคือมุอ์มิน ใครคือมุนาฟิก หลังจากนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจึงได้ทรงวางอัศศิร็อฏ ซึ่งเป็นสะพานที่ปลายด้านหนึ่งวางอยู่ที่ทุ่งมะห์ชัร ทอดผ่านนรกญะฮันนัม ไปยังปลายอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นสวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อัศศิร็อฏจึงเป็นสะพานข้ามนรกไปยังสวรรค์

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ลักษณะของสะพานอัศศิร็อฏไม่เหมือนกับสะพานแห่งใดทั้งสิ้นบนโลกดุนยานี้ เรามาดูลักษณะของสะพานอัศศิร็อฏจากอัลหะดีษ ในบันทึกของอิมามมุสลิม บอกว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

فقال : ( إنه مدحَضَةٌ مزلَّةٌ ، عليه خطاطيفُ وكلاليبُ كشوكِ السَّعدانِ ، أدقُّ من الشَّعرةِ وأحدُّ من السَّيفِ )

 

     “(ลักษณะของสะพานนั้น)ลื่นมาก (แล้วก็มี)ตะขอคอยฉกเฉี่ยวดั่งขวากหนาม (ขนาดความกว้างของมัน)เล็กยิ่งกว่าเส้นผม และก็มีความคมยิ่งกว่ามีดดาบเสียอีก

 

          นี่คือ ลักษณะของสะพานอัศศิร็อฏ ที่มีความกว้างเล็กยิ่งกว่าเส้นผมของเรา แล้วก็ยังมีความลื่น มีความคม มีตะขอลักษณะคล้ายขวากหนามคอยฉกเฉี่ยวคนที่จะข้าม เป็นสะพานที่ทั้งเล็ก ทั้งลื่น ทั้งคม แล้วยังมีตะขอฉกเฉี่ยว เป็นสะพานสำหรับมุอ์มินและมุนาฟิกที่จะต้องข้ามผ่านสะพานนี้ ในอัลกุรอานซูเราะฮฺมัรยัม อายะฮฺที่ 71 – 72 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

«وَإِن مِّنكُمْ إِلَّا وَارِدُهَا كَانَ عَلَى رَبِّكَ حَتْماً مَّقْضِيّاً ،

 

     “และไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเจ้า นอกจากจะเป็นผู้ผ่านเข้าไปในมัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้แน่นอนแล้วสำหรับพระเจ้าของเจ้า

 

          บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและบรรดามุชริกีน ทั้งหมดตกนรกไปก่อนแล้วเป็นพวกแรก เหลือแต่บรรดามุอ์มินและบรรดามุนาฟิก ที่พวกเขาทุกคนต้องเป็นผู้ผ่านเข้าไปในมัน  وَارِدُهَا  ตัฟซีรอธิบายว่า ก็คือต้องข้ามสะพานอัศศิร็อฏผ่านนรกญะฮันนัม เพื่อไปสู่สวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ..เป็นเรื่องที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงกำหนดไว้แล้ว (แสดงว่า มันจะต้องเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน ไม่มีใครที่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้เลย )

 

(ثُمَّ نُنَجِّي الَّذِينَ اتَّقَوا وَّنَذَرُ الظَّالِمِينَ فِيهَا جِثِيّاً»

 

     “หลังจากนั้น (บรรดามุอ์มิน)ที่มีความยำเกรงพระเจ้าของพวกเขา (โดยที่พวกเขาเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งที่เป็นข้อสั่งใช้ของพระองค์ ในขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยง ออกห่างจากสิ่งต้องห้ามทั้งหลาย ละเว้นจากมะอ์ศิยะฮฺหรือความชั่วต่างๆ ) ดังกล่าวนี้ จะทำให้พวกเขารอดพ้นไปได้ สามารถข้ามสะพานไปได้ ในขณะที่พระองค์จะปล่อยให้บรรดาผู้ที่อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง (ก็คือพวกที่ทำให้ตัวเองต้องโดนลงโทษ ทำให้ตัวเองต้องตกนรกโดยการที่พวกเขาปฏิเสธพระองค์ ฝ่าฝืนต่อคำสั่งของพระองค์) ต้องตกลงในนรกและอยู่ในนั้นในสภาพคุกเข่าคุดคู้

 

          นั่นก็หมายความว่า ใครผ่านสะพานนี้ไปได้ เขาก็จะได้เข้าสวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แต่ถ้าผ่านไม่พ้น เขาก็ต้องตกลงไปในนรกญะฮันนัม

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ถึงแม้ว่าสะพานอัศศิร็อฏจะมีความกว้างเล็กนิดเดียว แล้วก็ยังมีความลื่น ที่เมื่อเวลาข้ามก็ต้องโซซัดโซเซ ลื่นไปลื่นมา ...มีความคม ทำให้เกิดบาดแผล เกิดความเจ็บปวด .. มีตาขอฉกเฉี่ยว คอยเกี่ยวคอยดึงไม่ให้ผ่านไป ทั้งเจ็บทั้งปวด เหล่านี้เป็นอุปสรรคอย่างยิ่งยวดต่อการข้ามสะพานให้พ้น แต่ปรากฏว่า มีบางคนข้ามผ่านสะพานไปได้ในชั่วพริบตาเดียว บางคนข้ามไปได้ใช้เวลาประมาณสายฟ้าแลบ หรือใช้เวลาดั่งลมพัด หรือนกบิน หรือม้าวิ่ง บางคนข้ามผ่านไปได้ด้วยดี บางคนถูกตะขอฉกเฉี่ยว แต่ถึงแม้ว่าจะถูกตะขอฉกเฉี่ยวก็ยังสามารถข้ามผ่านไปได้ ในขณะที่บางคนก็ต้องตกลงไปในนรกญะฮันนัม

 

          อัลหะดีษมุตตะฟะกุนอะลัยฮฺ รายงานจากท่านอะบีสะอี๊ด อัลคุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

« ، فَيَمُرُّ الْمُؤْمِنُونَ كَطَرْفِ الْعَيْنِ ، وَكَالْبَرْقِ ، وَكَالرِّيحِ ، وَكَالطَّيْرِ ، وَكَأَجَاوِيدِ الْخَيْلِ وَالرِّكَابِ ، فَنَاجٍ مُسَلَّمٌ ، وَمَخْدُوشٌ مُرْسَلٌ ، وَمَكْدُوسٌ فِي نَارِ جَهَنَّمَ»

 

     “บรรดาผู้ศรัทธาจะข้ามสะพานนั้นรวดเร็วเพียงชั่วพริบตา หรือดังเช่นสายฟ้าแลบ หรือดังเช่นลม หรือดังเช่นนกบิน หรือดังเช่นม้าที่วิ่งเร็ว ...บางคนสามารถข้ามไปด้วยความปลอดภัย บางคนก็ต้องถูกขีดข่วน ถูกฉกเฉี่ยว แต่ก็สามารถผ่านไปได้ แต่บางคนก็ถูกผลักตกลงในนรกญะฮันนัม

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย การข้ามสะพานอัศศิร็อฏนี้ เราต้องข้ามด้วยตัวเอง โดยไม่มีเครื่องทุ่นแรง ไม่ได้มีพาหนะขับขี่เหมือนอย่างบนโลกดุนยานี้ แต่เราต้องข้ามด้วยตัวเอง ซึ่งแต่ละคนก็จะใช้เวลาแตกต่างกันไปตามที่อัลหะดีษข้างต้นได้บอกไว้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอะไร ? เราจะข้ามได้อย่างรวดเร็ว หรือจะใช้เวลานานแค่ไหนนั้น ในตัฟซีรระบุว่า ขึ้นอยู่กับอะมัล การงานของเรา 

 

          หากอะมัล การงานของเราบนโลกดุนยานี้ เป็นอะมัลศอลิหฺ หรือเป็นการงานที่ดีๆที่เราได้ลงทุนลงแรงทำไป ด้วยกับความอิคลาศ คือมีความบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาองค์เดียวเท่านั้น และในขณะเดียวกันก็ตรงตามรูปแบบของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วย อย่างนี้ เราจะข้ามผ่านสะพานไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วนจะข้ามได้เร็วระดับไหน จะชั่วพริบตา หรือจะดั่งลมพัด หรือจะดั่งม้าวิ่ง ต่างๆเหล่านี้นั้น ขึ้นอยู่ว่า เราทำอะมัลศอลิหฺ มากน้อยแค่ไหน ทำมากก็ข้ามได้เร็วมาก ทำน้อยก็ข้ามได้ช้า 

 

          แต่ถ้าทำอะมัลศอลิหฺด้วย แล้วในขณะเดียวกันก็ทำมะอ์ศิยะฮฺไปด้วย ทำสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาควบคู่ไปด้วย อย่างนี้ก็อาจจะโดนตะขอฉกเฉี่ยว หรืออาจจะต้องลงนรกไปก่อน ไปรับการลงโทษเสียก่อน อย่างนี้ก็เป็นได้ ดังนั้น บนโลกดุนยานี้ในขณะนี้ เราต้องดำเนินชีวิตของเราให้ดี เพราะมันจะต้องไปปรากฎผลในวันกิยามะฮฺอย่างแน่นอน

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย เรื่องของสะพานอัศศิร็อฏก็เป็นกระบวนการหนึ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในวันกิยามะฮฺ ที่เราต้องเผชิญกับมัน ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม เป็นกระบวนการที่เราต้องเชื่อมั่นศรัทธาในความมีอยู่จริงของมัน ตามหลักฐานที่ปรากฎอยู่ในอัลกุรอานและอัลหะดีษที่มีหลักฐานที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ ได้ระบุไว้ และเราไม่ต้องไปตีความเป็นอย่างอื่น แล้วก็ไม่ต้องตั้งคำถามอะไร เมื่อท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมบอกสิ่งใดไว้ ก็ให้เชื่อมั่นศรัทธาไปตามนั้น

 

          เมื่อท่านนบีบอกว่าสะพานอัศศิร็อฏมีความกว้างเล็กกว่าเส้นผม มันก็คือเล็กกว่าเส้นผม มีความลื่น มีความคม มันก็คือเป็นไปตามนั้น ไม่ต้องปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่ต้องไปใช้สติปัญญาของเราคิดเอง และไม่ต้องไปตีความเป็นอย่างอื่น ...เพราะอย่าลืมว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของอิลมุลฆ็อยบฺ เรื่องของสิ่งเร้นลับ อันเป็นหลักอีมานหรือหลักศรัทธาประการที่ห้าของอัลอิสลาม และนี่ก็คือ หลักอะกีดะฮฺหรือหลักการเชื่อมั่นของชาวอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ ที่เราต้องยึดถืออัลกุรอานกับอัลหะดีษในการดำเนินชีวิต 

 

          หรือที่เราพูดว่า เราต้องตามกิตาบุลลอฮฺ และซุนนะฮฺท่านนบี ซึ่งในเรื่องนี้มีคำอธิบายจากอุละมาอ์ว่า การตามหรือการยึดถือตามกิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺท่านนบีนั้น ต้องยึดตามคำอธิบายที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้อธิบายไว้แก่บรรดาเศาะฮาบะฮฺ และความเข้าใจเหล่านั้นได้ถูกสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบันด้วยหลักฐานที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ จากตำรับตำราของบรรดาอุละมาอ์อะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ 

 

          จะต้องไม่ใช่การตีความอัลกุรอานเอาเอง ไม่ใช่ตีความอัลหะดีษเอาเอง หรือไปเอาความคิดของนักคิด หรือนักเคลื่อนไหวสมัยใหม่ที่เขาก็คิดขึ้นมาเอง มาใช้อย่างเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้เกิดการเบี่ยงเบนออกจากความเข้าใจที่ถูกต้อง หรือไม่ก็มีความคิดที่สุดโต่งเกินเลยขอบเขตที่บทบัญญัติศาสนาได้กำหนดไว้ ซึ่งมันเป็นที่มาของการหลงทาง หลงผิดในบทบัญญัติศาสนา และส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา และสุดท้ายส่งผลต่อเราในวันกิยามะฮฺด้วย

 

          ดังนั้น เราต้องระมัดระวังตัวของเราเอง เมื่อได้ยินได้ฟังสิ่งใดมา เราต้องใช้สติปัญญาคิดพิจารณาไตร่ตรอง พร้อมทั้งขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาให้ทรงนำทางเราสู่ศิรอฏ็อลมุสตะกีม ก็คือ แนวทางสู่ทางที่ถูกต้องเที่ยงตรงของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

          สุดท้ายนี้ ขอให้เราได้ขอดุอาอ์อยู่เสมอๆ ขอให้อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโปรดให้เราได้ยึดถือหลักอะกีดะฮฺที่ถูกต้อง ได้เลือกการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง อันนำไปสู่ความสำเร็จทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺ

 

«اللَّهُمَّ أَرِنَا الْحَقَّ حَقًّا، وَارْزُقْنَا اتِّبَاعَهُ،

 

โอ้อัลลอฮฺ โปรดให้เราเห็นความจริงเป็นความจริง และประทานให้เราได้ยึดมั่นปฏิบัติตามความจริงนั้นตลอดไป

 

وَأَرِنَا الْبَاطِلَ بَاطِلًا، وَارْزُقْنَا اجْتنِاَبَهُ،

 

..และโปรดให้เราเห็นความเท็จเป็นความเท็จ และประทานให้เราออกห่างจากความเท็จนั้นอย่างไกลๆ

 

وَلَا تَجْعَلْهُ مُلْتَبِسًا عَلَيْنَا فَنَضِلَّ،

 

..และโปรดอย่าให้ความเท็จนั้น สร้างความสับสนแก่เรา จนทำให้เราหลงออกจากทางอันถูกต้อง

 

وَاجْعَلْنَا لِلْمُتَّقِينَ إِمَامًا»

 

..และโปรดทำให้เราเป็นผู้นำแก่บรรดาผู้ยำเกรง

 

 

(คุฏบะฮฺวันศุกร์ มัสญิดดารุลอิหฺซาน บางอ้อ)