สิบวันแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺ
  จำนวนคนเข้าชม  5477


สิบวันแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺ

อับดุลสลาม เพชรทองคำ 

 

           เดือนซุลหิจญะฮฺ ذو الحجة คือเดือนที่สิบสอง อันเป็นเดือนสุดท้ายของปี ปฏิทินอิสลาม เป็นหนึ่งในสี่เดือนที่ถือเป็นเดือนต้องห้าม ที่เรียกว่า لأشهر الحُرُما อัลอัชฮุรุ้ล หุรุม (ได้แก่เดือนซุลเกาะดะฮฺ เดือนซุลหิจญะฮฺ เดือนมุหัรรอม และเดือนเราะญับ) เป็นเดือนที่มีการปฏิบัติอิบาดะฮฺ อันยิ่งใหญ่ ที่เป็นรุกุนที่ห้าของหลักอิสลาม นั่นก็คือ การประกอบพิธีหัจญ์อย่างที่เราก็ทราบกันดี

 

          การที่เดือนซุลหิจญะฮฺถือเป็นเดือนต้องห้าม เพราะอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงห้ามการทำสงครามกันในเดือนนี้ ห้ามการรุกราน ห้ามละเมิดในทรัพย์สินและชีวิตของผู้อื่น จะไม่มีการปล้นสดมภ์กัน เป็นการจัดระเบียบสังคมเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่หุจญาตที่เดินทางมาทำหัจญ์ในช่วงของการประกอบพิธีหัจญ์

 

          การทำหัจญ์ถือเป็นฟัรฎู เป็นหน้าที่จำเป็นสำหรับมุสลิมทุกๆคน ทั้งชายและหญิงที่เข้าเกณฑ์ หรือบรรลุศาสนภาวะ อีกทั้งมีความสามารถ มีความพร้อม พร้อมทั้งร่างกาย พร้อมทั้งทุนทรัพย์ เมื่อเขามีความพร้อม เขาก็จะต้องปฏิบัติหัจญ์ในชีวิตเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น หลังจากนั้นถ้าเขาปรารถนาและมีความสามารถที่จะทำหัจญ์ได้อีกในปีถัดๆไป ก็ถือเป็นเรื่องของการทำสิ่งที่เป็นสุนัต

 

          ในเดือนซุลหิจญะฮฺนี้จะมีช่วงวันที่มีความประเสริฐเหนือช่วงเวลาอื่นๆ นั่นคือช่วงสิบวันแรกของเดือน ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลฟัจรฺ الفجر อายะฮฺที่ 1- 2 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

﴿ وَٱلۡفَجۡرِ ١ وَلَيَالٍ عَشۡرٖ ٢ ﴾

 

ขอสาบานด้วยยามรุ่งอรุณและด้วยค่ำคืนทั้งสิบ

 

           ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสาบานด้วยสิ่งหนึ่งสิ่งใด นั่นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญและความยิ่งใหญ่ของสิ่งนั้น

 

           ดังนั้น ในอายะฮฺที่สองนี้ เมื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงสาบานด้วยค่ำคืนทั้งสิบ แสดงว่าค่ำคืนทั้งสิบนี้ย่อมมีความสำคัญ ซึ่งบรรดาเศาะฮาบะฮฺ และบรรดาสะลัฟได้บอกไว้ว่า ช่วงเวลาค่ำคืนทั้งสิบดังกล่าวนี้ก็คือ ช่วงสิบวันแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺ เพราะเป็นวันที่รวมเอาวันสำคัญ ๆไว้ ได้แก่ วันอะเราะฟะฮฺ หรือวันที่บรรดาหุจญาตกำลังทำการวุกุฟอยู่ที่ทุ่งอะเราะฟะฮฺ ซึ่งการวุกุฟนี้ถือเป็นหัวใจหลักของการทำหัจญ์ แล้วก็ยังมีวันอีดิลอัฎฮา วันเชือด และวันที่สิบเอ็ด

 

           อัลหะดีษในบันทึกของอิมามอบูดาวุด รายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ บิน กุรฎฺเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

«إِنّ أَعْظَمَ اْلأَيامِ عِنْدَ اللهِ تَعَالَى يَوْمُ النحْرِ ثم يَوْمُ القرِّ»

 

แท้จริง ช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่อัลลอฮฺ ตะอาลาได้แก่วันเชือด และวันที่สิบเอ็ดของเดือนซุลหิจญะฮฺ

 

           นอกจากจะเป็นเดือนที่มีวันสำคัญต่างๆแล้ว ท่านอิบนุ หะญัร นักปราชญ์มุสลิมในอดีตท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ในฟัตหุลบารีย์ว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้สิบวันแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺมีความประเสริฐอันยิ่งใหญ่ เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่อิบาดะฮฺหลักต่าง ๆมารวมอยู่ด้วยกัน อิบาดะฮฺนั้นก็ได้แก่ การละหมาด การถือศีลอด การบริจาคทาน และการทำหัจญ์ ซึ่งสิ่งนี้ไม่มีในวันอื่นนอกจากสิบวันแรกของซุลหิจญะฮฺ

 

           เมื่อสิบวันแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺเป็นช่วงเวลาที่มีความประเสริฐยิ่ง ดังนั้น การปฏิบัติอิบาดะฮฺ การปฏิบัติคุณงามความดีใดๆในช่วงเวลานี้ ย่อมได้รับผลบุญที่ยิ่งใหญ่กว่าในช่วงเวลาอื่นๆ

 

          อัลหะดีษในบันทึกของอิมามอัลบุคอรีย์ และอิมามอัตติรมีซีย์ รายงานจากท่านอิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

«مَا مِنْ أَيَّامٍ العَمَلُ الصَالِحُ فِيْهِنَّ أَحَبُّ إِلَى اللهِ مِنْ هَذِهِ الأَيامِ العَشْرِ ،

 

     “ไม่มีวันใดๆที่การปฎิบัติคุณงามความดี จะเป็นที่โปรดปรานของอัลลอฮฺ มากกว่าการปฏิบัติในสิบวันแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺ

 

     บรรดาเศาะฮาบะฮฺจึงได้ถามว่า     : ياَ رَسُوْلَ اللهِ ولا الجِهَادُ فِيْ سَبِيْلِ اللهِ؟

 

     “โอ้ ท่านเราะซูลุลลอฮฺ แม้กระทั่งการทำญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺอย่างนั้นหรือ ?”

 

     ท่านนบีจึงตอบว่า : وَلَا الجِهَادُ فِيْ سَبِيْلِ اللهِ إِلَّا رَجُلٌ خَرَجَ بِنَفْسِهِ وَمَالِهِ فَلَمْ يَرْجِعْ مِنْ ذَلِكَ بِشَيْءٍ »

 

     “แม้กระทั่งการทำญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ เว้นแต่ผู้ที่ออกญิฮาดด้วยชีวิตและทรัพย์สินของเขา โดยที่เขาไม่ได้กลับมาพร้อมกับทรัพย์สินดังกล่าว (หมายถึงเขาได้เสียชีวิตจากการออกญิฮาดนั้น )”

 

          นั่นก็แสดงว่า การทำอิบาดะฮฺ การทำคุณงามความดีต่างๆในช่วงสิบวันแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺ เป็นสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงรัก ทรงชอบ ทรงพอพระทัย ทรงโปรดปราน แม้แต่การทำญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ ที่เป็นการงานที่ยิ่งใหญ่มากก็ยังสู้ไม่ได้

          ยกเว้นว่า การญิฮาดในครั้งนั้นได้ทำให้เขาเสียชีวิตลงก่อนที่เขาจะกลับถึงบ้าน และทรัพย์สินของเขาก็สูญเสียไปด้วย เพราะถูกศัตรูยึดไป

 

          ดังนั้น เมื่อการทำอิบาดะฮฺ การทำคุณงามความดีต่างๆในช่วงสิบวันแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺ มีความประเสริฐ มีผลบุญตอบแทนที่ดียิ่งอย่างนี้ เราก็จะมาดูว่ามีอิบาดะฮฺอะไรบ้างที่ให้เราทำ ในสถานะที่เราอยู่กับบ้าน ยังไม่มีโอกาสได้ไปทำหัจญ์ในปีนี้ แต่เราก็สามารถปฏิบัติอามัลอิบาดะฮฺได้หลายๆอย่าง เพราะความเมตตาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ไม่ได้ทรงทอดทิ้งเรา แต่ทรงเปิดโอกาสแก่เราให้เราได้ขวนขวายผลบุญที่ประเสริฐ ที่ยิ่งใหญ่กว่าการออกญิฮาดให้แก่เรา

 

♥ อิบาดะฮฺแรก คือ การถือศีลอดสุนัตในช่วง 9 วันแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันที่เราไม่ควรพลาดก็คือวันที่ 9 คือวันอะเราะฟะฮฺ ซึ่งวันอะเราะฟะฮฺก็คือวันที่บรรดาหุจญาตไปรวมตัวกันที่ทุ่งอะเราะฟะฮฺ เป็นวันที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่ประกอบพิธีฮัจญ์ และยังเป็นวันที่ประเสริฐที่สุดของปีอีกด้วย เป็นวันที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงทำให้หลักการของอิสลามครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อเป็นความเมตตาแก่เรา และเลือกอิสลามให้เป็นศาสนาของเรา

 

          ผลบุญที่ผู้ที่ถือศีลอดในวันอะเราะฟะฮฺจะได้รับก็คือ ได้รับการอภัยโทษในความผิดต่างๆ ได้รับการลบล้างความผิดถึง 2 ปี คือหนึ่งปีหลังจากวันนี้ และหนึ่งที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ และได้รับการปลดปล่อยให้พ้นจากไฟนรก

 

          อัลหะดีษในบันทึกของอิมามมุสลิม และอิมามอัตติรมีซีย์ รายงานจากท่านอบูเกาะตาดะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

«صِيَامُ يَوْمِ عَرَفَةَ إِنِي أَحْتَسِبُ عَلَى اللهِ أَنْ يُكَفِّرَ السَّنَةَ الِّتيْ بَعْدَهُ وَالسَّنَةَ الِّتي قَبْلَهُ»

 

     “การถือศีลอดวันอะเราะฟะฮฺนั้น ฉันคาดหวังว่าอัลลอฮฺจะทรงลบล้างความผิดบาปต่างๆ สำหรับหนึ่งปีหลังจากนี้ และหนึ่งปีที่ผ่านมา

 

          อัลหะดีษอีกบทหนึ่งในบันทึกของอิมามมุสลิม รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮาเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

«مَا مِنْ يَوْمٍ أَكْثَر مِنْ أَنْ يُعْتِقَ اللهُ فِيْهِ عَبْدًا مِنَ النارِ مِنْ يَوْمِ عَرَفَةَ،

 

ไม่มีวันใดที่อัลลอฮฺจะทรงปลดปล่อยบ่าวของพระองค์จากไฟนรกมากไปกว่าวันอะเราะฟะฮฺ...”

 

♥ อิบาดะฮฺประการที่สอง ที่ให้เราขวนขวายทำก็คือ การซิกรุลลอฮฺ กล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺให้มากๆ กล่าวสดุดี สรรเสริญพระองค์ กล่าวประกาศความยิ่งใหญ่แด่พระองค์ กล่าวให้มากๆโดยเฉพาะในช่วงหลังละหมาดฟัรฎูทั้ง 5 เวลา

 

          อัลหะดีษในบันทึกของอิมามอะหฺมัด รายงานจากท่านอิบนุ อุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

«مَا مِنْ أَيامٍ أَعْظَمُ عِنْدَ اللهِ، وَلَا أَحَبّ إِلَيْهِ مِنَ اْلعَمَلِ فِيْهِن، مِنْ هَذِهِ اْلأَيامِ العَشْرِ، فَأَكْثِرُوا فِيْهِنَّ التَهْلِيْلَ والتَكْبِيْرَ وَالتَحْمِيْدَ»

 

     “ ไม่มีช่วงเวลาใดที่การทำความดีจะยิ่งใหญ่และเป็นที่รักยิ่ง ที่อัลลอฮฺ มากไปกว่าสิบวันแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺ ดังนั้นพวกท่านจงกล่าวตะฮฺลี้ล (ลาอิลาฮะอิลลัลอฮฺ) กล่าวตักบีรฺ (อัลลอฮุอักบัร) และกล่าวตะหฺมีด (อัลหัมดุลิลลาฮฺ) ให้มากๆในวันเหล่านี้

 

♥ อิบาดะฮฺที่สาม ที่จะทิ้งไม่ได้เป็นอันขาดก็คือ การละหมาดฟัรฎูทั้งห้าในเวลาของมัน เมื่อทำฟัรฎูจนครบถ้วนแล้ว ก็ให้เพิ่มเติมด้วยละหมาดสุนัตต่างๆ ในช่วงกลางวัน ก็เช่น ละหมาดสุนัตเราะวาติบทั้ง 12 เราะกะอะฮฺ ละหมาดดุฮา ในช่วงกลางคืนก็ละหมาดตะหัจญุด ละหมาดวิติรฺ

 

♥ อิบาดะฮฺที่สี่ เมื่อดำรงรักษาการละหมาดแล้ว ก็ต้องจ่ายซะกาตด้วยหากครบนิศอบหรือพิกัด และครบรอบปี แล้วก็ทำเศาะดะเกาฮฺ บริจาคให้แก่คนที่มีฐานะด้อยกว่า ให้บริจาคมากๆ เท่าที่ความสามารถจะพึงมี 

 

          การบริจาคจะไม่ทำให้ทรัพย์สินของผู้บริจาคลดน้อยลง เพราะท่านนบีบอกว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงเพิ่มให้กับเขาอย่างมากมาย นอกจากนี้ ท่านนบียังบอกอีกว่า การบริจาคจะช่วยลบล้างความผิดของเรา เสมือนดั่งน้ำที่ช่วยดับเปลวไฟอีกด้วย

 

 อิบาดะฮฺที่ห้า เตาบะฮฺ กลับเนื้อกลับตัวอยู่จากการทำความผิดต่างๆ ขออภัยโทษ อิสติฆฟารฺในความไม่ดีไม่งามทั้งหลาย

 

♥ อิบาดะฮฺที่หก ละหมาดวันอีด อีดิลอัฎฮา

 

♥ อิบาดะฮฺที่เจ็ด สนับสนุนส่งเสริมให้มุสลิมที่ไม่ได้ประกอบพิธีหัจญ์ทำอุฏฮียะฮฺ คือเชือดกุรบ่านจากบรรดาสัตว์ใหญ่ เช่น วัว แพะ แกะ สำหรับผู้ที่มีความสามารถ ตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคน เพราะมันเป็นเป็นการทำตามแบบอย่างของท่านนบีของเรา ส่วนผู้ใดที่ทำอุฏฮียะฮฺก็ให้งดการตัดเล็บ ตัดผม ตัดหนวด โกนเครา ในช่วงระยะเวลานี้จนกว่าเขาจะเชือดกุรบ่านเรียบร้อยแล้ว

 

♥ อิบาดะฮฺที่แปด อ่านอัลกุรอานอยู่เสมอ มีการตะดับบุร พินิจพิจารณาในความหมาย พร้อมทั้งพยายามท่องจำ

 

อิบาดะฮฺที่เก้า ขอดุอาอ์ โดยเฉพาะในวันอะเราะฟะฮถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีของการขอดุอาอ์

 

          อัลหะดีษ(หะดีษหะซัน)ในบันทึกของอิมามอัตติรฺมีซีย์ รายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ บิน อัมรฺเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

 [خَيْرُ الدُّعَاءِ دُعَاءُ يَوْمِ عَرَفَةَ وَخَيْرُ مَا قُلْتُ أَنَا وَالنَّبِيُّونَ مِنْ قَبْلِي لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَحْدَهُ لَا شَرِيكَ لَهُ لَهُ الْمُلْكُ وَلَهُ الْحَمْدُ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ] 

 

     "ดุอาอ์ที่ดีคือดุอาอ์ที่ขอในวันอะเราะฟะฮฺ และประโยคที่ดีที่ฉันและบรรดานบีในยุคก่อนใช้กล่าวก็คือ

 [ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَحْدَهُ لَا شَرِيكَ لَهُ لَهُ الْمُلْكُ وَلَهُ الْحَمْدُ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ ] 

     ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือคนหนึ่งคนใดคู่ควรในการได้รับการเคารพอิบาดะฮฺร่วมกับอัลลอฮฺอย่างเด็ดขาด ไม่มีการตั้งภาคีใดๆร่วมกับพระองค์ การปกครองเป็นของพระองค์ การสรรเสริญทั้งหมดเป็นของพระองค์ และพระองค์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง"

 

          ยังมีอิบาดะฮฺอื่นๆอีก นอกเหนือจากที่ได้กล่าวไปแล้ว ..ท่านชัยค์มุฮัมมัดศอลิหฺ อัลอุษัยมีน อุละมาอ์ในยุคสมัยของเรายังได้บอกอีกว่า อิบาดะฮฺอื่นๆยังรวมถึงการทำความดีต่อคุณพ่อคุณแม่ การเชื่อมสัมพันธ์กับเครือญาติ ทำความดีต่อเพื่อนบ้าน ต่อเพื่อนมนุษย์ และความดีทุกอย่างที่หลักการศาสนาบอกว่าเป็นความดี นั่นก็คืออิบาดะฮฺที่ส่งเสริมให้เราขวนขวายทำกันในช่วงสิบวันแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺ เป็นเรื่องของสุนัต 

 

          เรื่องของซุนนะฮฺของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮฺวะซัลลัม ที่ส่งเสริมให้ทำกัน ไม่ใช่อย่างที่มีการพูดว่า เรื่องของสุนัต ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ไม่ทำก็ไม่มีบาป แต่ความจริงแล้ว เรื่องของสุนัตต่างๆนั้น ใครทำใครก็ได้ ใครไม่ทำก็ไม่ได้ ไม่มีบาปแต่ไม่ได้บุญ 

 

          ใครทำใครก็ได้ ..ได้อะไร ? ได้ความใกล้ชิดอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ความรักใคร่ ความโปรดปราน ได้รับความเมตตาจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แล้วจะมีอะไรที่จะยิ่งใหญ่กว่าการได้รับความเมตตาจากพระองค์ เพราะคน หนึ่งจะเข้าสวรรค์ได้ก็ต้องมาจากความเมตตาของพระองค์ ไม่ใช่เข้าสวรรค์เพราะอิบาดะฮฺที่ทำ แต่อิบาดะฮฺที่ทำทั้งหมดด้วยความอิคลาศ และตรงตามรูปแบบของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเท่านั้น ก็คือสื่อที่นำเราไปสู่ความเมตตาของพระองค์ และความเมตตาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลานี่แหละที่จะนำเราไปสู่สวรรค์ของพระองค์

 

          ดังนั้น ถ้าใครไม่ทำ จะได้สิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร ? เราจึงต้องขวนขวาย เราจึงต้องใส่ใจ ต้องยึดมั่น ต้องเชื่อมั่น ต้องทำ ต้องปฏิบัติ อย่าละเลย อย่าเฉยเมย ให้ฉกฉวยโอกาสในการทำ เพื่อเราจะได้ประสบความสำเร็จ ความสำเร็จนั้นก็คือ รอดพ้นจากไฟนรกในวันกิยามะฮฺ เมื่อรอดพ้นจากไฟนรกแล้ว ก็จะได้ไปสวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อินชาอัลลอฮฺ

 

          สุดท้ายนี้ เมื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ประทานความโปรดปรานแก่เรา ให้เราได้มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลานี้ ก็ขอให้เราได้ขวนขวายทำอิบาดะฮฺต่างๆที่กล่าวมา ซึ่งเป็นอิบาดะฮฺที่มีแบบอย่างมาจากท่านนบีของเรา และขอให้เราทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความอิคลาศ เพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพียงองค์เดียวเท่านั้น และทำอิบาดะฮฺให้ตรงตามแบบอย่างของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เพื่อเราจะได้เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺ

 

 

( มัสญิดดารุลอิหฺซาน บางอ้อ )