รักอัลลอฮ์ เป็นที่หนึ่ง
  จำนวนคนเข้าชม  3042


รักอัลลอฮ์ ♥ เป็นที่หนึ่ง

 

คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ 

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีอัตตักวา คือมีความยำเกรงต่อพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น ดังนั้น เราจึงต้องสร้างความยำเกรงต่อพระองค์ให้เกิดขึ้นในหัวใจของเราให้ได้ โดยการศึกษา แสวงหาความรู้ในเรื่องราวของบทบัญญัติศาสนา พยายามทำความเข้าใจ และนำมาสู่การปฏิบัติ ด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา โดยต้องพยายามทำให้สุดความสามารถของเรา ในขณะเดียวกัน ก็ต้องออกห่างจากคำสั่งห้ามของพระองค์โดยสิ้นเชิง พร้อมกันนั้นก็ต้องปฏิบัติอิบาดะฮฺทุกอย่างให้อยู่ในแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วย นั่นก็คือ ต้องไม่ทำบิดอะฮฺนั่นเอง

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย คำปฏิญาณกะลิมะฮฺ ชะฮาดะฮฺลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺที่เรากล่าวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน กล่าวอยู่เป็นประจำนั้น เป็นคำปฏิญาณที่ถือเป็นรากฐานของอัลอิสลาม ..เป็นคำปฏิญาณที่มีความหมายว่า

ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกแล้วที่เราต้องนำมาเคารพบูชา นำมาอิบาดะฮฺ นอกจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาองค์เดียวเท่านั้น

     เป็นคำปฏิญาณที่ทำให้ผู้ที่กล่าวและปฏิบัติตามคำปฏิญาณนี้คือผู้ที่มอบเตาฮีด มอบการเป็นพระเจ้าองค์เดียวแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเท่านั้น พร้อมกันนั้นก็ปฏิเสธการเป็นพระเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างอื่น ๆทั้งหมด ..

     และทำให้คำปฏิญาณนี้เป็นการจำแนกผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ออกจากผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อพระองค์ และมีผลให้ผลตอบแทนของผู้ที่ศรัทธาต่อพระองค์นั้นแตกต่างจากผลตอบแทนของผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาต่อพระองค์โดยสิ้นเชิง...

     ผลตอบแทนของผู้ศรัทธานำไปสู่ชีวิตที่ดีงามทั้งในโลกดุนยานี้และโลกอาคิเราะฮฺ ส่วนผลตอบแทนของผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น นำไปสู่การถูกลงโทษในไฟนรกตลอดกาลในวันกิยามะฮฺ

 

     ดังนั้น คนที่จะสามารถทำให้คำปฏิญาณกะลิมะฮฺ ชะฮาดะฮฺของเขานั้นนำไปสู่การมอบเตาฮีดแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียวได้นั้น เขาจะต้องเป็นผู้ที่มีความรักต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ อันจะทำให้การปฏิบัติตามบทบัญญัติศาสนาอิสลามของเขานั้นครบถ้วนสมบูรณ์ตามไปด้วย และเมื่อใดก็ตาม ใครที่ทำให้ความรักของเขาที่มีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาบกพร่องไป นั่นก็จะทำให้การมอบเตาฮีดแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาของเขานั้นบกพร่องไปด้วยเช่นกัน

 

     อัลหะดีษ ในอัสสิลสิละฮฺ อัศเศาะหิหะฮฺ (หะดีษเศาะหิหฺ) รายงานจากท่านซะฮฺลิ บินมุอาซ รายงานจากบิดาของเขาเล่าว่า แท้จริง ท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

: " مَنْ أَعْطَى لِلَّهِ ، وَمَنَعَ لِلَّهِ ، وَأَحَبَّ لِلَّهِ ، وَأَبْغَضَ لِلَّهِ ، وَأَنْكَحَ لِلَّهِ ، فَقَدِ اسْتَكْمَلَ الْإِيمَانَ " .

 

     “ผู้ใดมอบ(ทุกสิ่งทุกอย่าง)เพื่ออัลลอฮ และผู้ใดยับยั้ง(ทุกสิ่งทุกอย่าง)เพื่ออัลลอฮ และรักเพื่ออัลลอฮ และโกรธเพื่ออัลลอฮ และแต่งงานเพื่ออัลลอฮ ...(ดังนั้น)แท้จริงแล้ว เขาได้ทำให้อีมานหรือการศรัทธาของเขา(ที่มีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลานั้น)ครบถ้วนสมบูรณ์

 

          นั่นก็หมายความว่า ใครก็ตามที่มีเป้าหมายที่จะให้อีมานหรือการศรัทธาที่เขามีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลานั้นครบถ้วนสมบูรณ์ นำไปสู่การมอบเตาฮีดแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เขาจะต้องไม่รักผู้ใดนอกจากรักเพื่ออัลลอฮฺ เขาจะไม่เกลียดผู้ใดนอกจากเพื่ออัลลอฮฺ เขาจะไม่เป็นมิตรต่อใครเพื่ออัลลอฮฺ แล้วเขาก็จะไม่เป็นศัตรูกับใคร นอกจากเพื่ออัลลอฮฺเท่านั้น เขาจะรักสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงรัก และเกลียดสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเกลียด

 

          คำสอนนี้สอนว่า ให้รักคนที่เขาศรัทธาต่ออัลลอฮฺและทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่ออัลลอฮฺ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับบนโลกดุนยา ในขณะเดียวกัน เขาต้องโกรธ เขาต้องเกลียดคนที่ทำความผิดต่อบทบัญญัติศาสนา โกรธ เกลียดเพื่ออัลลอฮฺ ไม่ใช่โกรธ ไม่ใช่เกลียดเพราะว่า เขามาทำให้เราเสียผลประโยชน์บนโลกดุนยา อีกทั้งเขาจะไม่เป็นมิตรต่อกันเพื่ออัลลอฮฺ และไม่เป็นศัตรูต่อกันเพื่ออัลลอฮฺ และสิ่งนี้แหละที่อุละมาอ์เรียกว่า หลักของอัลวะลาอ์ วัลบะรออ์ ซึ่งเป็นหลักที่ทำให้เรามีความรักต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตอาลาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

 

อัลวะลาอ์ คือรักเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นมิตรต่อกันเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

อัลบะรออ์ คือเกลียดเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นศัตรูต่อกันเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้เราอัลวะลาอ์ โดยการให้เราได้แสดงความรักต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาด้วยการรักพระองค์และรักสิ่งที่พระองค์ทรงรัก ก็คือเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ เชื่อฟังและปฏิบัติตามบทบัญญัติศาสนาของพระองค์ พร้อมทั้งให้เรารักคนที่เขารักอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาและปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ด้วยเช่นกัน แม้ว่าเราจะไม่ชอบคน ๆนั้นก็ตาม แต่ถ้าคน ๆนั้นรักอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาและปฏิบัติตามบทบัญญัติศาสนาของพระองค์ เราก็จะรักและปรารถนาดีต่อเขา จะเป็นมิตรกับเขา

 

          ส่วนการที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้เราอัลบะรออ์ ก็โดยการให้เราแสดงความเกลียด แสดงความไม่ชอบต่อสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเกลียดและให้ออกห่างจากสิ่งเหล่านั้น อีกทั้งต้องแสดงความไม่ชอบต่อการที่เขาไม่รัก ไม่เชื่อฟังอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติศาสนาของพระองค์ด้วย แม้ว่าเราจะรักจะชอบคน ๆนั้นก็ตาม

 

          และด้วยกับหลักของอัลวะลาอ์วัลบะรออ์นี้แหละ ที่อุละมาอ์บอกว่า มันคือการทำให้เตาฮีดของเราสมบูรณ์ เพราะมันเป็นเรื่องของมะฮับบะฮฺ ความรัก ซึ่งมะฮับบะฮฺนี้ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญข้อหนึ่งของคำกล่าวกะลิมะฮฺ ชะฮาดะฮฺของเรา ดังนั้น ความรักของเราที่มีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจึงต้องเป็นความรักที่สูงสุด เป็นความรักที่มาเป็นอันดับหนึ่ง เป็นความรักที่มีเหนือสิ่งอื่นใดทั้งสิ้นทั้งหมดแม้แต่ความรักความชอบของตัวเราเอง นี่คือหลักอะกีดะฮฺที่ถูกต้องของชาวอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย เราอาจจะมีปัญหาว่า เมื่อเราต้องรักอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเป็นอันดับหนึ่งแล้ว เราจะสามารถรักคนอื่น หรือเราจะสามารถรักสิ่งอื่น ๆได้ไหม หรือเราจะรักอย่างไร ด้วยเหตุนี้ นักวิชาการมุสลิมจึงได้จำแนกความรักออกเป็น 2 ประเภทใหญ่

 

          ประเภทแรกคือ ความรักที่เราต้องจำกัดเฉพาะอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาองค์เดียวเท่านั้น จะไปมอบให้แก่คนอื่นไม่ได้เลย หรือจะไปแบ่งปันให้แก่สิ่งอื่นใดก็ไม่ได้เลย เป็นความรักในสถานะที่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้นที่ต้องได้รับการเคารพอิบาดะฮฺในทุก ๆสภาพ

 

          สำหรับความรักประเภทที่สองก็คือ ความรักตามธรรมชาติที่เป็นปกติภาวะวิสัย เช่น เป็นความรักที่เป็นความห่วงใย ความห่วงหาอนาทร ความรักของพ่อแม่ที่ต่อลูกหลาน ความรักระหว่างเครือญาติ ความรักที่มีต่อเพศตรงข้าม หรือจะเป็นความรักความชอบเฉพาะตัว เช่น รักการอ่านหนังสือ ชอบอาหารเผ็ดร้อน ชอบเดินทางท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม ความรักประเภทนี้ต้องไม่มากเกินไป ต้องไม่นำไปสู่การเทิดทูนบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นพิเศษ ต้องไม่นำไปสู่การสักการะบูชาต่อสิ่งใดเป็นพิเศษ จะต้องไม่มากจนเกินขอบเขตจนนำไปสู่ความรักที่เท่าเทียมกับอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น มันก็คือ การทำชิริกหรือการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา กลายเป็นผู้ที่มีภาคีในเรื่องของมะฮับบะฮ เรื่องของความรักหรือ ชิรกุลมะฮับบะฮฺ ซึ่งมีผลทำให้เขากลายเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่น่ากลัว

 

     ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 165 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

 وَمِنَ ٱلنَّاسِ مَن يَتَّخِذُ مِن دُونِ ٱللَّهِ أَندَادٗا يُحِبُّونَهُمۡ كَحُبِّ ٱللَّهِۖ وَٱلَّذِينَ ءَامَنُوٓاْ أَشَدُّ حُبّٗا لِّلَّهِۗ

 

     “และในหมู่มนุษย์นั้น มีผู้ที่ยึดถือบรรดาภาคีอื่น ๆนอกจากอัลลอฮฺ ซึ่งพวกเขารักภาคีเหล่านั้นเช่นเดียวกับที่รักอัลลอฮฺ แต่บรรดาผู้ศรัทธานั้นเขาต้องรักอัลลอฮฺมากยิ่งกว่า (มากเป็นอันดับหนึ่ง)....”

 

          ดังนั้น หมั่นพิจารณาตัวเราว่า เราได้ให้ความรักที่เรามีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอยู่ในระดับใด เรารักอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเป็นที่หนึ่งหรือยัง ?

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรานั้น เราจะต้องพบกับเหตุการณ์ต่าง ๆที่มันจะมาประสบกับเรา เพื่อทดสอบอีมานของเราอยู่ตลอดเวลา เรื่องของมะฮับบะฮฺก็เช่นกัน การที่เราอยู่ร่วมในสังคม ทำให้เราต้องมีความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์ เพื่อนมนุษย์ที่มีทั้งที่เป็นมุสลิมผู้ศรัทธา และผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมที่เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา ดังนั้นความสัมพันธ์เหล่านี้ต้องอยู่ในขอบเขตของบทบัญญัติศาสนาที่ได้วางกรอบไว้ 

 

          และส่วนหนึ่งจากกรอบดังกล่าวก็คือ เรื่องราวข้างต้น เรื่องราวของอัลวะลาอ์วัลบะรออ์ ซึ่งเราต้องมีต่อทั้งผู้ศรัทธาด้วยกัน และต้องมีอัลบะรออ์ต่อบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาด้วยเช่นกัน แต่ในระดับที่ไม่เหมือนกัน เราสามารถที่จะรักบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้ ในระดับที่พื้น รักเขาได้ เป็นเพื่อนเขาได้ ติดต่อสมาคมกับเขาได้ ให้เกียรติเขาได้ ยกย่องเขาได้ ในฐานะเพื่อนมนุษย์ แต่จะไม่สนิทสนม ไม่ไปคลุกคลีตีโมงจนมากเกินไป เพราะเกรงว่า การสนิทสนมนั้นจะนำเราไปสู่การห่างเหินออกจากบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา 

 

          และเราจะต้องไม่ยกย่องบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นพิเศษจนเกินขอบเขต จนทำให้เรายอมละทิ้งบทบัญญัติศาสนาของเราเพื่อเขา หรือเพื่อผลประโยชน์ทางโลกดุนยาของเรา ..เราจะต้องไม่ทำ แล้วก็ไม่ส่งเสริม ไม่สนับสนุนเหตุการณ์ใดก็ตามที่มันสามารถจะนำเราไปสู่การออกห่างจากบทบัญญัติศาสนาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา หรือนำเราไปสู่การที่เราต้องมีภาคีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา หรือนำเราไปสู่สถานการณ์ที่อาจจะทำให้เกิดโอกาสที่จะมีการก้มกราบ ..

          การก้มกราบถือเป็นการแสดงความเคารพต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นพิเศษ และทำให้บุคคลนั้นมีสถานะเทียบเท่าอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และผู้ที่ทำเช่นนั้นอาจจะกลายเป็นผู้ที่ทำให้มีชิริกขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายและเป็นเรื่องที่มุสลิมพึงระวังอย่างยิ่ง เพราะถึงวันนี้จะยังไม่ต้องก้มกราบ แต่ถ้าเราเปิดโอกาส มันก็จะเป็นการเปิดช่องทางที่จะนำไปสู่สถานการณ์ที่อาจทำให้ต้องมีการก้มกราบก็ได้ ซึ่งไม่มีสิ่งใดรับประกันในเรื่องนี้ได้เลย

 

          ดังนั้น อย่าเปิดโอกาสโดยนำตัวเองไปสู่สถานการณ์อย่างนั้น และอย่าทำให้มุสลิมคนอื่น ๆต้องไปสู่สถานการณ์อย่างนั้นด้วยเช่นกัน ขอพึงให้การรักอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอยู่เหนือสิ่งอื่นใด อยู่เหนือผลประโยชน์ของโลกดุนยาทั้งหมด

 

           สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโปรดให้เราเห็นสัจธรรมความจริง และได้ปฏิบัติ ตามสัจธรรมความจริงนั้น และโปรดให้เราเห็นถึงความมดเท็จ และทรงให้เราได้ออกห่างจากความมดเท็จนั้น และโปรดให้เราเสียชีวิตในสภาพที่นอบน้อมยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูซะตะอาลาโดยสิ้นเชิง



 

 

คุตบะห์วันศุกร์ มัสยิด ดารุ้ลอิห์ซาน