ดุนยา คือ ทางผ่าน
  จำนวนคนเข้าชม  8214

ดุนยา คือ ทางผ่าน

 

โดย... อาจารย์อิมรอน นาคนาวา

 

          โลกดุนยานี้ อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ทรงสร้างขึ้นมา ก็เพื่อที่จะให้มนุษย์ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยการประกอบ คุณงามความดี ตามที่อัลลอฮฺได้ทรงกำหนดไว้ แล้วสุดท้ายมันก็จะสลายไป แต่โลกที่ถาวรนั้น คือโลกอาคิเราะฮฺ ดังนั้น อัลลอฮฺ ตะอาลา จึงทรงเตือนมนุษย์ อย่าได้ลุ่มหลงโลกดุนยา จนลืมหน้าที่ของเขาที่มีต่ออัลลอฮฺ สำหรับโลกดุนยา ณ ที่อัลลอฮฺ มันมีค่าไม่เท่ากับปีกของยุง ทั้ง ๆ ที่มนุษย์ใช้มันไปในการหาความสุขสำราญ และความเพลิดเพลินด้วยรูปแบบต่าง ๆ ตลอดอายุไขของเขา แต่เป็นความสุขที่ไม่จีรังยั่งยืน และไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวไว้ว่า

 

ถ้าหากว่าโลกดุนยานนี้ มันมีค่า ณ อัลลอฮฺเท่ากับปีกของยุง อัลลอฮฺคงไม่ให้น้ำดื่มแก่คนกาเฟร แม้แค่ อึกเดียวก็ตาม

(บันทึกโดย อัตติรมิซีย์)

 

          ปีกของยุงนั้น มันไม่มีค่าอะไร และน้ำอึกเดียว มันก็ไม่มีค่าเช่นเดียวกัน ถ้าจะเทียบกับสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บอกให้รู้ว่า คนกาเฟรนั้น เขาได้รับความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ได้ประทานให้แก่พวกเขาในโลกนี้อย่างนับไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่ยอมศรัทธา ไม่เคารพพระองค์ ถ้าอัลลอฮฺจะทรงลงโทษพวกเขาทันทีในโลกนี้ โดยไม่ให้น้ำดื่มเขาแม้แต่อึกเดียว ก็ย่อมทำได้ แต่ดุนยาไม่มีค่ามากอะไร อัลลอฮฺจึงปล่อยให้พวกเขาหาความสุขสำราญกันไปก่อน แล้วจะทรงลงโทษพวกเขาทีเดียวในโลกหน้า เพราะความดื้อดึงของเขา

 

          ดังนั้น บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ก็ไม่ต้องเสียใจ ถ้าหากว่าท่านไม่ได้รับบางสิ่งบางอย่างในโลกดุนยานี้ เหมือนกับคนอื่นเขา เพราะว่ามันไม่มีค่าอะไรมากมาย!

 

     อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า

     “(มุฮัมมัด) จงยกตัวอย่างให้พวกกาเฟรได้ฟังว่า จะเปรียบเทียบชีวิตของโลกนี้ ก็จะเทียบได้กับภาพรวมของต้นไม้ที่ได้รับน้ำฝน ที่เราให้หลั่งลงมาจากฟากฟ้า จนทำให้มันงอกงามขึ้นมาบนดิน แล้วต่อมามันก็กลายเป็นต้นไม้แห้ง ๆ ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่ถูกลมพัดจนปลิวว่อน อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงสามารถเหนือทุกสิ่งทุกอย่างเสมอ

 

     ทรัพย์สินก็ดี ลูกหลานก็ดี ล้วนเป็นสิ่งสวยงาม (ประดับประดา) ของมนุษย์ในโลกนี้ (แล้วสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ย่อมถึงจุดสิ้นสุดลง ที่จะต้องจากกัน) ส่วนคุณธรรมอันยั่งยืน (เช่นคำกล่าว ซุบฮานัลลอฮฺ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ อัลลอฮุอักบัร) นั้น ย่อมเป็นกุศล และเป็นความหวังที่ดีเลิศ ณ พระเจ้าของเจ้าโดยแน่นอน

(อัลกะฮ์ฟฺ 18 : 45-46)

 

          อัลลอฮฺได้ทรงเปรียบเทียบโลกดุนยาไว้ เหมือนกันน้ำฝนที่พระองค์ให้มันตกลงมาจากฟากฟ้า ทำให้ต้นไม้ และพืชพันธุ์ต่าง ๆ งอกขึ้นมา เขียวขจี มองดูสวยงามอยู่ชั่วระยะหนึ่ง แล้วในที่สุดมันต้องเหี่ยวเฉา ตายไปเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วก็ก็พัดมันปลิวไปตามที่ต่าง ๆ เสมือนกับชีวิตของมนุษย์ที่เกิดมาบนโลกนี้

          เมื่อถึงอะญัล ที่อัลลอฮฺกำหนดไว้ เขาก็ต้องตายจากโลกนี้ไป ทรัพย์สมบัติ เงินทอง และลูกหลานนั้น มันเป็นเพียงแค่เครื่องประดับในโลกดุนยานี้เท่านั้น และเป็นสิ่งทดสอบ มันไม่ได้อยู่กับมนุษย์ถาวร 

          แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ การงานที่ดีงาม ที่เขาได้กระทำไว้บนโลกดุนยานี้เท่านั้น นั่นคือ รางวัลอันยิ่งใหญ่ที่เขาจะได้รับจากอัลลอฮฺ และเป็นสิ่งที่เขาปรารถนา ส่วนผู้ที่ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ไม่กระทำความดีในโลกหน้าเขาก็ต้องถูกลงโทษ

          อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้เตือนมนุษย์ว่า อย่าได้ลุ่มหลงดุนยาจนลืมหน้าที่ของเขาต่ออัลลอฮฺ การทำมาหากิน การประกอบอาชีพก็ทำให้พอประมาณ เพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ สำหรับทำอิบาดะฮฺต่อพระองค์ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

 

     ใครที่ตัวเขา และครอบครัวของเขามีความปลอดภัย ร่างหายปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีอาหารพอกินในวันนั้น ก็เหมือนเขาได้ครอบครองดุนยาไว้ทั้งหมด

(บันทึกโดย อัตติรมิซีย์)

 

          ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ถือว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการ เพราะว่าถ้าเขาว่าตกอยู่ในสภาพที่หวาดกลัว ไม่มีความสงบ ไม่มีความปลอดภัย ชีวิตก็ไม่มีความสุข เช่นหลาย ๆ ประเทศที่เกิดสงคราม ต้องอพยพหนีตายไปตามที่ต่าง ๆ แต่ถ้ามีความปลอดภัย และเจ็บไข้ได้ป่วย ชีวิตก็ไม่มีความสุขเช่นกัน 

 

          ส่วนประการที่สาม ที่ท่านนบี ศ็อลลัลลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวไว้ถ้าเขามีอาหารกินเพียงพอในวันนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บอกว่า มีเพียงแค่พอกินในวันนั้น ส่วนวันต่อไปยังไม่รู้เลยว่าจะหาได้ที่ไหน ก็นับว่าโชคดีแล้ว แต่ในปัจจุบันนี้ เราไม่ได้มีอาหารกินแค่วันเดียว มีกินเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน เป็นปี เกินกว่าที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บอกไว้ไม่รู้เท่าไร ตรงนี้เราต้องขอบคุณอัลลอฮฺให้อย่างมาก ๆ ทั้งสามประการนั้น ใครได้รับมัน ก็เหมือกับได้ครอบครองโลกดุนยาไว้ทั้งหมด

 

          ในการกระทำอิบาดะฮฺ เช่นการละหมาด การถือศีลอด การประกอบพิธีฮัจญ์ ต้องทำด้วยการศรัทธา ตรงตามรูปแบบที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทำไว้ บริสุทธิ์ใจ และมีความอดทน 

          การใช้ชีวิตในปัจจุบันนี้ มันมีสิ่งยั่วยุมากมาย ที่จะทำให้มนุษย์ล่วงละเมิดต่อบทบัญญัติของศาสนาได้ทุกเวลา จึงจำเป็นที่จะต้องระมัดระวัง ยับยั้งตนเองไม่กระทำผิด และไม่ให้โลกดุนยาและชัยฏอน หลอกลวง ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

     “ในวันกิยามะฮฺนั้น คนที่เคยมีความสุขที่สุดในโลกนี้ แต่เป็นชาวนรกจะถูกนำมา แล้วถูกจุ่มลงไปในไฟนรก แล้วรีบนำขึ้นมา

     และถามเขาว่าเคยได้เห็นสิ่งดี ๆ และมีความสุขบ้างไหม?” 

     เขาตอบว่าขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ไม่เคยพบกับความสุขแลความดีใด ๆ เลย

     และผู้ที่ทุกข์ทรมาน ลำบากยากเข็ญที่สุดในโลกดุนยา แต่เป็นชาวสวรรค์จะถูกนำมา และถูกจุ่มลงไปในสวรรค์ แล้วรีบนำขึ้นมา

     แล้วถามเขาว่าเคยทุกข์ยากและลำบากบ้างไหม?” 

     เขาตอบว่าขอสาบานต่ออัลลอฮฺไม่เคยได้รับความทุกข์ยากและลำบากใด ๆ เลย”!

 

          ฮะดิษนี้ บอกให้รู้ว่า คนที่มีความสุขในโลกนี้ มีบ้านช่องใหญ่โตโอ่อ่าหรูหรา มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ใช้ชีวิตอย่างทีมีความสุขที่สุด อยากจะมีความสุขอย่างไรก็ทำได้ตามความต้องการแต่ไปในวันกิยามะฮฺ กลับเป็นชาวนรก แต่ก่อนที่จะเข้าในนรกตลอดกาล อัลลอฮฺก็ได้ให้เขาได้ลิ้มรสของความเจ็บปวดจากไฟนรก โดยชุบตัวเขาลงไปเท่านั้น แล้วนำขึ้นมาจากความเจ็บปวดที่เขาได้รับจากไฟนรกเพียงเวลาสั้นนิดเดียว เมื่อเปรียบเทียบกับความสุขต่าง ๆ ที่เขาเคยได้รับตลอดระยะเวลาที่เขาใช้ในโลกดุนยามันไม่หลงเหลืออยู่เลย ลืมไปหมดสิ้น และเขาจะต้องถูกทรมานในนรกไปตลอดกาล เขาจะเจ็บปวดขนาดไหน 

          นี่เป็นการบอกให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความสุขสบายในดุนยานั้น จะมีมากขนาดไหน มันก็ไม่ถาวร และไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง

          ส่วนคนที่เป็นชาวสวรรค์ ในโลกดุนยานี้ เขาต้องลำบากยากเข็ญ ทนทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บ จากภัยพิบัติต่างๆ หิวโหยยากไร้ ไม่มีที่จะอาศัย ปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวก ใช้ชีวิตอยู่อย่างลำเค็ญ แต่เมื่อได้ลิ้มรสของความสุขในสวรรค์ แค่เพียงนิดเดียว ก็ทำให้เขาลืมความทุกข์ยากลำบาก ลืมความเลวร้ายที่ผ่านมาในชีวิตของเขาไปหมด และเขาจะอยู่ในสวรรค์ตลอดกาล ได้รับกับความสุขต่าง ๆ ลองนึกภาพดูสิว่า เขาจะมีความสุขขนาดไหน 

 

     ท่านนบีได้กล่าวไว้ ในฮะดิษ กุดซีย์ ระบุว่า อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า 

ข้าได้เตรียมสิ่งที่ตาไม่เคยพบเห็น หูไม่เคยได้ยิน ใจไม่เคยจินตนาการ ไว้ให้บรรดาบ่าวของข้าที่เป็นคนดี

(รายงานโดย ท่านอิมาม อัลบุคอรีย์)

 

          นี่เป็นเพียงบางส่สวนของความสุข ที่อัลลอฮฺได้บอกไว้โดยรวม ส่วนรายละเอียดนั้น มีมากมาย ล้วนแล้วเป็นความสุขที่ผู้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺจะได้รับทั้งสิ้น ในฮะดิษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อีกบทหนึ่งกล่าวว่า

 

     เมื่อชาวสวรรค์ได้เข้าสวรรค์แล้ว จะมีผู้ประกาศว่าชาวสวรรค์ทั้งหลาย ตั้งแต่นี้ต่อไป พวกท่านทั้งหลายจะมีชีวิตอยู่ตลอดกาล ไม่ตายอีกแล้ว จะเป็นหนุ่มสาว ไม่แก่อีกแล้ว จะมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยอีกแล้ว แล้วพวกท่านทั้งหลายจะมีแต่ความสุข ไม่มีความทุกข์ ไม่มีความเบื่อหน่ายอีกแล้ว

(รายงานโดย อิมามมุสลิม)

 

          สี่ประการที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้บอกไว้ ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาทั้งสิ้น แม้ว่าอายุจะยืนยาวนานกี่ปีก็ตาม แต่ก็ต้องตายจะหนุ่มแน่นขนาดไหนก็ต้องแก่ จะมีสุขภาพแข็งแรงปานใด ก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยบ้าง และจะไม่มีความสุขตลอดกาล ต้องมีความทุกข์ มีความกลุ้ม และความเบื่อหน่ายบ้าง แต่สำหรับชาวสวรรค์ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ จะหมดไปจากเขา เมื่อเขาก้าวเข้าสู่สวรรค์

 

     ข้าแต่อัลลอฮฺ แท้จริง เราขอต่อพระองค์ให้ได้เข้าสวรรค์ และสิ่งที่จะทำให้ได้ใกล้ชิดกับสวรรค์ด้วยเถิด ไม่ว่าจะเป็นจากคำพูดหรือการกระทำก็ตาม

     และเราขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากไฟนรก และสิ่งที่ทำให้ใกล้ชิดกับนรกด้วยเถิด ไม่ว่าจะเป็นจากคำพูด หรือการกระทำก็ตาม

 

 

 

ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปีโรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร 2560