ไตร่ตรองสักนิด
  จำนวนคนเข้าชม  1389

ไตร่ตรองสักนิด..!?

 

โดย.... อิบนฺ อัลลัยลฺ

 

          อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ด้วยความเมตตาของพระองค์ผู้ทรงเดชานุภาพเหนือสรรพสิ่งทั้งผอง ผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงให้มาซึ่งริสกีแห่งความโปรดปรานอิสลามมีระบบการดำเนินชีวิตที่มุสลิมทุกคนจะต้องเรียนรู้นำไปปฏิบัติ เพื่อการดำรงชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล และการอยู่ร่วมกันในสังคม การเรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม และวัฒนธรรม ก็เพื่อการดำรงชีพอยู่ในโลกนี้อย่างสันติสุข 

 

          ถือเป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคนต้องศึกษาและปฏิบัติ ตั้งแต่เราเริ่มรู้เรื่อง จนกระทั่งถึงหลุมฝังศพ โดยไม่ต้องพะวงถึงปัจจัย ระยะเวลา อุปสรรค และก็สถานที่ ถึงแม้จะยากเพียงใดก็ต้องขวนขวายมาให้ได้ เพราะสรรพสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงสร้างมาไว้ทั้งหลายทั้งปวง ล้วนเป็นขุมพลัง หรือขุมทรัพย์แห่งความรู้ที่มากมายมหาศาล ซึ่งประชาชาติทั้งมวลต้องแสวงหามา ซึ่งการเรียนรู้ต่างๆ ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงกำหนดมาให้ไว้ จึงถือเป็นภารกิจของแต่ละบุคคลที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

          การศึกษาหาวิชาความรู้ ถือเป็นสิ่งสำคัญกับมนุษย์ เพราะการอยู่รอดของมนุษย์ ไม่ว่าจะยุคใดก็ตาม ต้องอาศัยการเรียนรู้ต่อสิ่งที่อยู่รอบข้าง การพัฒนาในเรื่องของความรู้ จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อมวลมนุษย์ หากย้อนกลับไปดูในอดีต การศึกษาของมนุษย์ ถูกจำกัดในวงแคบ ๆ ซึ่งต่างกับยุคปัจจุบัน ที่การศึกษาของมนุษย์ ถูกจัดไว้หลากหลายรูปแบบ มีโรงเรียน มีมหาวิทยาลัย มีสถาบัน เป็นสถานที่ให้ความรู้มากมาย มีทั้งที่เป็นของรัฐ และของเอกชน การเปิดหลักสูตรที่ทำการเรียนการสอน ได้มีสาขา แขนงการเรียนรู้มากมาย และการสู่รั้วมหาวิทยาลัยของนักเรียนจึงเป็นความหวัง และอนาคตของเขา 

 

          ค่านิยมของคนส่วนมากคิดว่าเรียนจบแล้วมีงานทำ เป้าหมายสูงสุดคือ ได้ทำงาน และมีรายได้ดีๆ หลังจากที่จบจากมหาวิทยาลัยดังๆ จึงเลือกเรียนคณะที่มีงานรองรับ นักเรียนจำนวนมากถูกปลูกฝังเรื่องการเรียน ถ้าจะเข้ามหาวิทยาลัย ต้องเข้าเรียนคณะที่มีความนิยม และค่านิยมของคนไทยถูกปลูกฝังในเรื่องการส่งลูกหลานเรียนในสถานที่ดังๆ มีชื่อเสียงนั่นเอง เรียนคณะอะไร จบมาแล้วมีงานอะไรทำบ้าง? 

 

          เป้าหมายของคนส่วนใหญ่ในเรื่องการศึกษา คือจบมาแล้วจะได้มีงานทำ นักเรียนส่วนน้อยที่จะปลูกฝังในเรื่องการศึกษาเพื่อให้เป็นนักวิชาการ และนำความรู้ที่ได้ศึกษามาค้นคว้าเพื่อพัฒนาให้มีความก้าวหน้า และนำความรู้นั้นมาใช้ประโยชน์กับตัวเอง และสังคมมุสลิม และบุคคลทั่วไป เจตนารมณ์ที่อิสลามส่งเสริมให้มีการศึกษาเพราะอะไร?

 

 

          เราลองมาย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านถูกส่งมาในยุคที่เรียกว่ายุคญาฮิลียะห์เป็นยุคที่ป่าเถื่อน หรือยุคของผู้ฉลาดที่เก่งบทกวี บทกลอน แต่ทว่า ผู้คนในยุคนั้นไร้ซึ่งอารยธรรม ไร้ซึ่งคุณธรรม ใช้ชีวิตการเป็นอยู่โดยไม่มีกฎระเบียบ มีแต่การเข่นฆ่า มีแต่การแก้แค้นระหว่างเผ่าไม่มีการจบสิ้น มีการเสพของมึนเมา มีการประเวณีแพร่หลาย ผู้หญิงถูกเหยียดไม่ให้เกียรติ เมื่อได้ลูกผู้หญิงจะรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก จนกระทั่งชนอาหรับในยุคนั้น นิยมฝังลูกผู้หญิงทั้งเป็น 

 

          แต่ทว่า สังคมอาหรับ ก็เริ่มที่จะเปลี่ยนแปลง เมื่อท่านนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวซัลลัม ได้รับโองการจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา มายังชาวมักกะฮฺ ที่ว่า

 

“(มุฮัมมัด) จงอ่านด้วยพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้า ผู้ทรงบังเกิด ทรงบังเกิดมนุษย์มาจากก้อนเลือด

จงอ่านเถิด และพระเจ้าของเจ้านั้น ผู้ทรงใจบุญยิ่ง ผู้ทรงสอนการใช้ปากกา ผู้ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้

(อัลอะลัก 96 : 1-5)

 

          ตั้งแต่อายะฮฺที่ 1-5 เป็นการประทานลงมาครั้งแรก ขณะที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้น หลบเข้าไปอยู่ในถ้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงการบูชาเจว็ดของผู้คนในขณะนั้น เพื่อแสวงหาสัจธรรม ในการค้นหาพระเจ้าที่แท้จริง นับได้ว่าเป็นความเมตตา ความโปรดปรานครั้งแรกที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ประทานให้แก่ปวงบ่าว เป็นการเตือนให้ตระหนักว่า มนุษย์นั้น ถูกบังเกิดมาจากก้อนเลือด และด้วยการให้เกียรติ โดยทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้ และให้วิชาความรู้แก่เขาซึ่งเป็นจุดเด่นที่มนุษย์มีเหนือกว่าสรรพสิ่งทั้งปวง

 

          อายะฮฺแรก อัลลอฮฺ ทรงบัญชาใช้ให้ตื่นตัวในเรื่องของการศึกษาหาวิชาความรู้ ในยุคที่อาหรับอยู่ในความงมงาย การศึกษาในสิ่งแรก คือ ศึกษาในเรื่องพระเจ้า มุสลิมทุกคนต้องศึกษาให้รู้จักพระเจ้าของเขาอย่างแท้จริง เมื่อรู้จักพระเจ้า และมีหลักความเชื่อมั่นที่ถูกต้อง เขาก็จะได้เป็นบุคคลที่สร้างสรรค์สังคม จะอย่างไรก็ตามความรู้ต่างๆ จะมาได้ ก็ต้องมีผู้สอน หรือผู้ถ่ายทอด ซึ่งเราเรียกกันว่าอาจารย์ หรือ ครู 

 

          ครูคนแรกของเราคือ ท่านนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั่นเอง ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่า ครูในปัจจุบันส่วนใหญ่ยอมรับว่า สื่อการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่านั้น นั่นก็คือ สิ่งที่ผู้รู้จะถ่ายทอดให้กับผู้ที่ยังไม่รู้ จะทำการถ่ายถอดอย่างไร? เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้น มีประสิทธิภาพในการรับเอาความรู้จากครู?

          และผู้เป็นครูก็อย่าลืมว่า พื้นเพของเด็กแต่ละคน หรือพื้นฐานแต่ละคนไม่เท่าเทียมกัน บางคนมีความพร้อมทั้งทางด้านปัจจัย เช่น ค่าเล่าเรียน การอุปโภค ฯลฯ แต่บางคน ไม่มีความพร้อมด้านทุนทรัพย์อะไรประมาณนี้ และบางคนมีความพร้อมทางด้านจิตใจ แต่ติดอุปสรรคอื่นจากที่กล่าวมา เราจะปล่อยให้ลูกหลานมุสลิมของเราหนีหายออกจากอัลอิสลาม ไปกระนั้นหรือ?

 

           ปัจจุบันมุสลิม ได้ส่งบุตรหลานไปศึกษาทางด้านสามัญ จนลืมหลักการปฏิบัติทางศาสนาอิสลาม ลืมการละหมาด ลืมการอ่านอัลกุรอาน ลืมการสรรเสริญต่อเอกองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ลืมประเพณี วัฒนธรรมแบบอิสลาม ลืมเรื่องการบริจาค ลืมเรื่องการแบ่งปัน ลืมคำกล่าวทักทายแบบอิสลาม

 

      มีคำกล่าวของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่กล่าวว่า  

 

     “ความสะอาดเป็นครึ่งหนึ่งของการศรัทธา 

     การกล่าวว่าอัลฮัมดุลิลลาฮฺทั้งสองนั้น จะทำให้เต็ม หรือมันจะทำให้เต็มระหว่างท้องฟ้า และแผ่นดิน 

     การละหมาดนั้นเป็นรัศมี การบริจาคทานนั้นเป็นหลักฐาน ความอดทนนั้นเป็นแสงสว่าง 

     คัมภีร์อัลกุรอานเป็นพยานหลักฐานข้างท่าน หรือเป็นปฏิปักษ์แก่ท่าน มนุษย์ทุกคนนั้นจะแสวงหาเพื่อตนเอง 

     บางคนขายตัวของเขาให้กับอัลลอฮฺ ด้วยการทำความดี และเชื่อฟังพระองค์ เขาก็เป็นผู้ปลดปล่อยตัวของเขาให้พ้นจากการลงโทษของพระองค์ 

     แต่บางคนก็ขายตัวเองให้แก่ชัยฏอน และอารมณ์ใฝ่ต่ำของเขา เขาก็เป็นผู้ทำตัวของเขาหายนะเอง

(บันทึกโดย มุสลิม)

 

          ความดี หรือสิ่งที่มุสลิมจะได้นั้น มีมากมาย ซึ่งก็จะได้รับผลตอบแทนจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา การที่เราทำตัวเราเองให้สะอาด ทั้งจิตใจ ทั้งกาย บ้านเรือน เสื้อผ้า แสดงให้เห็นว่า เรามีอีมานอยู่ครึ่งหนึ่ง การกล่าวสรรเสริญแด่อัลลอฮฺ ตราชั่งความดีของเราก็จะเพิ่มจะได้รับภาคผลมากมาย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เราต้องเรียนรู้ และนำมาปฏิบัติ หากเราไม่เรียนรู้ ทางด้านศาสนา เอาแต่ทางด้านสามัญ แน่นอน เราจะไม่รู้สิ่งต่างๆ เหล่านี้เลย

 

          การละหมาดเป็นทางสว่างให้แก่เรา ทางสว่างนั้น จะนำพาเราสู่สวนสวรรค์ การบริจาค จะเป็นหลักฐานยืนยันให้แก่เราว่า เราได้ปฏิบัติหน้าที่ และได้ช่วยเหลือคนยากจน บรรเทาทุกข์ผู้ขัดสน ทำสิ่งที่อยู่ในหนทางของอัลลอฮฺแล้ว และเช่นเดียวกัน การที่เราอดทนต่อความทุกข์ยาก ต่อภัยอันตรายที่มาประสบกับเรา มันจะเป็นทางสว่างให้แก่เรา ที่จะดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้

 

          อัลกุรอาน ที่เราได้ทำการอ่านอยู่เป็นประจำ มันจะมาเป็นพยานหลักฐานเข้าข้างเรา ขอความช่วยเหลือให้กับเรา แต่ถ้าเราฝ่าฝืน เราก็จะไม่ปลอดภัย มันก็จะเป็นปฏิปักษ์แก่เรา เราก็จะได้รับความหายนะ

 

          การเรียนรู้นั้น ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับเยาวชนรุ่นใหม่ สิ่งที่น่ากลัวที่สุคคือ สื่อการเรียน สื่อการสอน ยิ่งโลกยุคปัจจุบันพัฒนามากเท่าใด ก็จะทำให้มนุษย์เราเริ่มแย่ลงมากเท่านั้น

 

 

ปล. “ถ้าเราไม่ลุกขึ้นยืน แล้วเราจะเรียนรู้วิธีการทรงตัวเพื่อไม่ให้ล้มอีกครั้งได้อย่างไร

 

 

ที่มา : อนุสรณ์ งานประจำปี โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร 6 มกราคม 2561