จงป้องกันตนเองจากการทำชิริก
  จำนวนคนเข้าชม  2585

จงป้องกันตนเองจากการทำชิริก

 

คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีอัตตักวา ก็คือให้เรามีความยำเกรงต่อพระองค์ เพราะการยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลานั้น หากมีอยู่ในหัวใจของเราแล้ว มันก็จะเป็นเสมือนกำแพงที่ขวางกั้นเรา ไม่ให้ทำสิ่งที่เป็นมะอ์ศิยะฮฺ สิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และมันก็จะเป็นแรงผลักดันเราให้ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นอะมัลศ่อลิหฺต่างๆ ซึ่งผลสุดท้ายของการที่เรามีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั่นก็คือ การที่เราได้ปกป้องตัวของเราเองให้รอดพ้นจากการถูกลงโทษในไฟนรกของพระองค์ในวันกิยามะฮฺ และเรายังได้รับชีวิตที่ดีงามในโลกดุนยานี้ และในโลกอาคิเราะฮฺ เราก็จะได้รับรางวัลตอบแทนด้วยสวนสวรรค์ของพระองค์ และสิ่งพิเศษ ๆมากมายที่อยู่ภายในสวนสวรรค์นั้นอย่างตลอดกาล

 

          ขอให้เราทุกคนได้ตระหนักว่า เรื่องสำคัญที่สุดอันดับแรกที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้ให้เราทำ ก็คือ ให้เรามอบเตาฮีด หรือมอบการเป็นพระเจ้าแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียวเท่านั้น เป็นการมอบเตาฮีดทั้งจิตใจของเรา ทั้งคำพูดของเรา และการกระทำของเรา ..เป็นการมอบเตาฮีดทั้งในด้านรุบูบียะฮฺ ด้านอุลูฮียะฮฺ และด้านอัลอัสมาอ์วัศศิฟาต ..และในขณะเดียวกัน เรื่องใหญ่ที่สุดอันดับแรกที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งห้ามเรา ก็คือ ห้ามเราทำชิริก หรือก็คือห้ามเราตั้งภาคีต่อพระองค์อย่างเด็ดขาด

 

     ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอันนิซาอ์ سورة النساء ส่วนต้นของอายะฮฺที่ 36 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงมีคำสั่งว่า

 

وَاعْبُدُوا اللَّهَ وَلَا تُشْرِكُوا بِهِ شَيْئًا ۖ

 

     “พวกเจ้าจงเคารพอิบาดะฮฺอัลลอฮฺ(เท่านั้น) และพวกเจ้าอย่าได้นำสิ่งหนึ่งสิ่งใด(หรือคนหนึ่งคนใด)มาเป็นชิริก(หรือมาเป็นภาคี)ร่วมกับพระองค์(อย่างเด็ดขาด)”

 

          ซึ่งการเคารพอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา โดยมีเนียต หรือมีเจตนาว่าทำเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียว มันก็คือการมอบเตาฮีดแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แต่เมื่อใดก็ตามที่เราทำอิบาดะฮฺ หรือทำอะไร ๆก็ตามโดยที่เรามีสิ่งอื่นมาอยู่ร่วมในเนียต ในคำพูดและในการกระทำของเราด้วย มันก็คือ การทำชิริก คือการทำให้สิ่งอื่น ๆมามีภาคี หรือมาเป็นพระเจ้าร่วมกับอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด

 

          ด้วยเหตุนี้ การทำชิริกจึงเป็นสิ่งที่มาทำให้เตาฮีดของเราเสียหาย มันมาทำลายอิบาดะฮฺ ทำลายการงานทั้งหมดของเราให้กลายเป็นโมฆะ ไม่ได้รับรางวัลตอบแทนจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และก่อให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงต่อตัวเรา โดยเฉพาะการทำ الأكبر الشِّرْكُ อัชชิรกุลอักบัร หรือที่เรียกว่าชิริกใหญ่

 

          ชิริกใหญ่ คือการที่คนหนึ่งคนใดได้มอบการอิบาดะฮฺอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ผู้อื่นหรือสิ่งอื่น ร่วมกับอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

          ใครที่ทำชิริกใหญ่ จะทำให้สถานภาพในการเป็นมุสลิมของเขาสูญสิ้นไป นั่นก็หมายความว่า เขาต้องสิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิม โดยที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่ผู้ที่ทำชิริกใหญ่ จนกว่าเขาจะทำการเตาบะฮฺตัว กลับเนื้อกลับตัว และละเลิกจากการทำชิริกใหญ่นั้นเสียก่อน พระองค์จึงจะทรงอภัยโทษให้ 

          และถ้าหากเขาเสียชีวิตในสภาพที่ยังทำชิริกใหญ่อยู่ ในวันกิยามะฮฺ เขาก็จะไม่ได้รับการอภัยโทษจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเลย และเป็นสาเหตุทำให้เขาไม่ได้เข้าสวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และต้องตกนรกตลอดกาล

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย การทำชิริกอีกประเภทหนึ่งเรียกว่า الشِّرْكُ الْأَصْغَرُ อัชชิรกุล อัศฆ็อรฺ หรือชิริกเล็ก ซึ่งถึงแม้ว่า เราจะเรียกชิริกเล็ก แต่มันไม่ได้หมายความว่า มันไม่สำคัญ หรือมันเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่มันหมายความว่า การทำชิริกเล็กนี้ มันไม่ได้มีผลให้คนทำสิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิม แต่มันมีผลให้เตาฮีดของเขาบกพร่องไม่เต็มร้อย

 

          ดังนั้น ในเรื่องของชิริกใหญ่กับชิริกเล็กนั้น จะมีความแตกต่างกันตรงที่ การทำชิริกใหญ่นั้นจะทำลายทุก ๆ อะมัล ทุก ๆการงานของเรา ทำให้สถานภาพของการเป็นมุสลิมของเราสูญสิ้นไป ในขณะที่การทำชิริกเล็กนั้นจะทำลายผลบุญเฉพาะงานที่เกี่ยวข้อง หรืองานที่เรากำลังทำเท่านั้น 

 

          แต่อย่างไรก็ตาม การทำชิริกเล็กบางอย่างอาจเป็นสื่อนำไปสู่การทำชิริกใหญ่ได้ ด้วยเหตุนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจึงเตือนเราให้ระมัดระวังเรื่องของชิริกเล็กให้มาก ๆด้วยเช่นกัน

 

           อัลหะดีษ ( صحيح )ในมุสนัดของท่านอิมามอะหฺมัด รายงานจากท่านมะหฺมูด บิน ละบีด อัลอันศอรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

إِنَّ أَخْوَفَ مَا أَخَافُ عَلَيْكُمْ الشِّرْكُ الْأَصْغَرُ»،

 

แท้จริง สิ่งที่ฉันกลัวว่ามันจะประสบกับพวกท่านมากที่สุด คือ الشِّرْكُ الْأَصْغَرُ เรื่องของชิริกเล็ก

 

قالوا: وما الشِّركُ الأصْغَرُ يا رسولَ اللهِ؟

 

(บรรดาเศาะฮาบะฮฺ)กล่าวว่า โอ้ ท่านเราะซูลัลลอฮฺ الشِّركُ الأصْغَرُ เรื่องของชิริกเล็ก มันคืออะไรครับ ?”

 

قال: الرِّياءُ

 

“(ท่านนบี )กล่าวว่า ..มัน คือ อัรริยาอ์ (หรือการโอ้อวด )”

 

         ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเตือนเราให้ระมัดระวังเรื่องของการโอ้อวด เพราะมันมีพิษมีภัย มันนำเราไปสู่การถูกลงโทษในวันกิยามะฮฺ และมันทำให้อิบาดะฮฺ การงานดี ๆที่เราทำ กลายเป็นโมฆะ ไม่ได้รับรางวัลตอบแทนจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

         เรามาดูอัลหะดีษ ในบันทึกของอิมามมุสลิม รายงานจากท่านอะบูหุรอยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ได้ยินท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าว ความว่า

 

     แท้จริง บุคคลแรก ๆ(สามคน)ที่จะถูกสอบสวนและตัดสินในวันกิยามะฮฺ คือ... 

 

     ชายคนหนึ่งที่เสียชีวิตในหนทางของศาสนา ..เขาได้ถูกนำตัวมาสอบสวน โดยเขาได้ถูกแจ้งให้ทราบถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ที่ทรงมีต่อเขา ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าได้รับความโปรดปรานนั้น..

     อัลลอฮฺ จึงได้ทรงถามเขาว่า เจ้าได้ทำอะไรกับความโปรดปรานนั้นบ้าง...

     เขาตอบว่า ข้าพระองค์ได้ทำการต่อสู้ในหนทางของพระองค์ จนกระทั่งเสียชีวิต...

     อัลลอฮฺจึงได้ตรัสว่า...เจ้าโกหก เพราะที่เจ้าต่อสู้นั้นเป็นเพียงเพราะเจ้าต้องการให้ผู้คนชื่นชมกล่าวขวัญถึงเจ้าว่า เป็นผู้กล้าหาญ ซึ่งผู้คนต่างก็ได้ชื่นชมกล่าวขวัญกันเช่นนั้น 

     ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกนำตัวไป(ยังนรก)ในสภาพที่ใบหน้าของเขาถูกคว่ำหน้าลากไถไปบนพื้น จนกระทั่งถูกโยนลงไปในนรก

 

     ส่วนชายอีกคนหนึ่ง คนที่สองนี้ เขาเป็นผู้ศึกษาหาความรู้และได้นำความรู้เหล่านี้มาสั่งสอนผู้คน อีกทั้งยังได้อ่านอัลกุรอานอีกด้วย ..เขาได้ถูกนำตัวมาสอบสวน โดยเขาได้ถูกแจ้งให้ทราบถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ที่ทรงมีต่อเขา ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าได้รับความโปรดปรานนั้น..

     อัลลอฮฺ จึงได้ทรงถามเขาว่า เจ้าได้ทำอะไรกับความโปรดปรานนั้นบ้าง...

     เขาตอบว่า ข้าพระองค์ได้ศึกษาร่ำเรียน หาความรู้ แล้วก็นำความรู้เหล่านั้นมาอบรมสั่งสอนผู้คน อีกทั้งยังได้อ่านอัลกุรอานเพื่อพระองค์...

     อัลลอฮฺ จึงได้ตรัสว่า เจ้าโกหก เพราะความจริงเจ้าศึกษาร่ำเรียน เพื่อให้ผู้คนได้ชื่นชมและกล่าวขวัญถึงเจ้าว่าเป็นคนอาเหร่ม เป็นคนมีความรู้ และเจ้าอ่านอัลกุรอานกุรอานก็เพื่อให้ผู้คนกล่าวขวัญถึงเจ้าว่าเป็นนักกอรี เป็นนักอ่านอัลกุรอาน ซึ่งผู้คนต่างก็ได้ชื่นชมกล่าวขวัญกันเช่นนั้น 

     ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกนำตัวไป(ยังนรก)ในสภาพที่ใบหน้าของเขาถูกคว่ำหน้าลากไถไปบนพื้น จนกระทั่งถูกโยนลงไปในนรก...

 

     ส่วนชายคนที่สาม คือชายที่ได้รับริสกีอย่างกว้างขวาง มีฐานะดี มีความมั่งคั่งร่ำรวย ..เขาได้ถูกนำตัวมาสอบสวน โดยเขาได้ถูกแจ้งให้ทราบถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ที่ทรงมีต่อเขา ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าได้รับความโปรดปรานนั้น.. 

     อัลลอฮฺ จึงได้ทรงถามเขาว่า เจ้าได้ทำอะไรกับความโปรดปรานนั้นบ้าง...

     เขาตอบว่า ข้าพระองค์ไม่เคยละทิ้งการบริจาคที่พระองค์ทรงรักที่จะให้มีการบริจาค นอกเสียจากข้าพระองค์บริจาคเพื่อพระองค์...

     อัลลอฮฺ จึงได้ตรัสว่า เจ้าโกหก เพราะความจริง การที่เจ้าบริจาคนั้น เป็นเพราะเจ้าต้องการให้ผู้คนกล่าวชื่นชมว่าเจ้าเป็นคนใจบุญสุนทาน ซึ่งผู้คนต่างก็ได้ชื่นชมกล่าวขวัญกันเช่นนั้น ..

     ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกนำตัวไป(ยังนรก)ในสภาพที่ใบหน้าของเขาถูกคว่ำหน้าลากไถไปบนพื้น จนกระทั่งถูกโยนลงไปในนรก...

 

         บทสรุปของอัลหะดีษข้างต้น หมายความว่า อิบาดะฮฺการงานดี ๆที่ชายทั้งสามคนทำนั้น นอกจากทำเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาแล้ว เขายังทำเพื่อสิ่งอื่นด้วย นั่นก็คือ เขาไม่ได้มีอิคลาศในการทำอิบาดะฮฺ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถูกตัดสิน ถูกลงโทษ ...ในตัวบทอัลหะดีษบอกว่า

 

ثُمَّ أُمِرَ به فَسُحِبَ علَى وجْهِهِ حتَّى أُلْقِيَ في النَّارِ، 

 

     “เขาถูกนำตัวไป(ยังนรก)ในสภาพที่ใบหน้าของเขาถูกคว่ำหน้าลากไถไปบนพื้น ถูกลากไปจนกระทั่งถูกโยนลงไปในนรก...อันเป็นการลงโทษที่ทรมานอย่างสุด ๆ

 

          ดังนั้น หันกลับมามองตัวเรา ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราในทุก ๆวันนั้น เราทำอิบาดะฮฺต่าง ๆมากมาย เราละหมาดเพื่ออัลลอฮฺ.. วันนี้เราก็มาละหมาดวันศุกร์เพื่ออัลลอฮฺ ... เราถือศีลอดเพื่ออัลลอฮฺ...เราบริจาคเพื่ออัลลอฮฺ ..เราสอนอัลกุรอานเพื่ออัลลอฮฺ เราเรียนอัลกุรอานเพื่ออัลลอฮฺ เราท่องจำอัลกุรอานเพื่ออัลลอฮฺ เราทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่ออัลลอฮฺ ..แต่กลับกลายเป็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิดว่า เราทำเพื่ออัลลอฮฺนั้น เราไม่ได้มุ่งหวังรางวัลตอบแทนในโลกอาคิเราะฮฺ เพราะเราต้องการผลตอบแทนตั้งแต่ในโลกดุนยานี้ เราต้องการรางวัลตอบแทนตั้งแต่ตอนนี้ ..

 

          เราทำอิบาดะฮฺต่าง ๆ ทำการงานต่าง ๆเพราะเราอยากให้คนชื่นชอบเรา ชมเชยเรา เราทำงานองค์กรนั้น ทำงานมูลนิธินี้ สมาคมนั้น สมาคมนี้ เพราะเราอยากจะได้อำนาจ อยากจะได้บารมี อยากได้เกียรติยศชื่อเสียง อยากเป็นประธาน อยากเป็นกรรมการ เป็นอิมาม เป็นคอเฏ็บ เป็นคุณหญิง เพราะเราอยากเป็นคนสำคัญ เราอยากมีที่ยืนในสังคม เราอยากให้คนเรียกว่าชัยค์ เรียกว่าอาจารย์ เรียกว่าผู้รู้ ...ซึ่งสิ่งต่าง ๆเหล่านี้ก็คือเรื่องของชิริกเล็กทั้งสิ้น ซึ่งมันมีผลให้อิบาดะฮฺต่าง ๆ หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำนั้นมันไร้ค่าในวันกิยามะฮฺ เพราะเราจะไม่ได้รับรางวัลตอบแทนใด ๆเลยจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา...

 

          แท้ที่จริงแล้ว การทำงานเพื่อศาสนา การทำงานเพื่อสังคมส่วนรวม เป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่น่าส่งเสริม แต่เมื่อเราทำแล้ว เราต้องคอยระวังเนียตของเราให้มันอิคลาศอยู่เสมอ ให้เราพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียวเท่านั้น เราจึงต้องคอยต่อสู้กับการโอ้อวดในหัวใจของเรา ต้องคอยกำจัดการโอ้อวด กำจัดชิริกเล็กออกไปจากหัวใจของเราให้ได้ เพราะหากเราทำไม่ได้ เราก็อาจจะต้องได้รับการลงโทษเช่นเดียวกับชายสามคนตามอัลหะดีษข้างต้น อีกทั้งยังไม่ได้รับรางวัลตอบแทนใด ๆทั้งสิ้นในวันกิยามะฮฺ

 

         ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงรวมคนที่ชอบโอ้อวดเข้ากับคนที่ชอบลำเลิกบุญคุณ ให้อยู่ในคนกลุ่มเดียวกัน

     ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ ส่วนต้นของอายะฮฺที่ 264 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

يَٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ لَا تُبۡطِلُواْ صَدَقَٰتِكُم بِٱلۡمَنِّ وَٱلۡأَذَىٰ كَٱلَّذِي يُنفِقُ مَالَهُۥ رِئَآءَ ٱلنَّاسِ 

 

     “ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าทำให้การบริจาคของพวกเจ้าไร้ผล ด้วยการลำเลิก และการก่อความเดือดร้อน เช่นผู้ที่บริจาคทรัพย์ของเขาเพื่อโอ้อวดผู้คน

 

          นั่นก็หมายความว่า การบริจาคของคนที่ทำเพื่อโอ้อวดผู้คนนั้นไร้ผล ณ ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาฉันใด การบริจาคแล้วตามด้วยการลำเลิกบุญคุณ หรือทำให้ผู้รับบริจาคได้รับความเดือดร้อน การบริจาคในลักษณะนี้ก็ไร้ผล ณ ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเช่นเดียวกัน จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องระมัดระวัง อย่าให้การบริจาคของเราตามมาด้วยการลำเลิกบุญคุณ หรือทำให้ผู้ที่ได้รับบริจาคจากเราได้รับความเดือดร้อน 

 

           และโดยเฉพาะองค์กรต่าง ๆที่ทำงานเพื่อศาสนา เพื่อสังคม ซึ่งขับเคลื่อนการทำงานด้วยเงินบริจาค เช่น รับบริจาคเงินมาแล้วนำมาเป็นทุนการศึกษาแก่เยาวชน ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องมีการรายงาน มีการประกาศ มีการแจ้งผู้บริจาคให้ทราบถึงกิจกรรมต่าง ๆที่เราทำ เพื่อแสดงความโปร่งใสในการทำงาน บางแห่งมีการถ่ายรูป มีการเผยแพร่เป็นวีดีโอ หรือประกาศในสื่อโซเชียลต่าง ๆ เพื่อเป็นหลักฐาน แสดงถึงความน่าเชื่อถือขององค์กรนั้น นับเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ตรงจุดนี้ ก็มีเรื่องที่เราต้องระมัดระวังให้ดี ..

 

          เราต้องระมัดระวังที่จะไม่เน้นไปที่ตัวบุคคลของคนที่ทำหน้าที่จัดการจ่ายแจก ไม่ต้องไปมีพิธีรีตองให้มันดูยิ่งใหญ่ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการโอ้อวด และในขณะเดียวกัน เราก็ต้องระมัดระวังที่จะไม่เน้นไปที่ชื่อหรือหน้าตา ตัวตนของผู้ที่ได้รับบริจาคให้ออกสื่อ หรือออกสู่สาธารณะ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเป็นลักษณะของการลำเลิกบุญคุณ เพราะการทำในลักษณะนั้นอาจจะไปสร้างความน้อยเนื้อต่ำใจให้แก่ผู้รับบริจาค หรืออะไรต่าง ๆในทำนองนี้ได้

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ดังกล่าวข้างต้น ก็คือ เรื่องราวที่นำมาตักเตือนกัน เตือนทั้งตัวผมเอง และเตือนท่านทั้งหลายให้ระวังเรื่องราวของชิริกให้ดีทั้งชิริกใหญ่และชิริกเล็ก

 

          สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโปรดคุ้มครอง และปกป้องเราทุกคนให้พ้นจากการทำชิริกที่เรารู้อยู่ว่ามันเป็นชิริก ขอให้เราได้ออกห่างจากมัน ไม่ไปทำมัน...และขอพระองค์ทรงอภัยโทษให้แก่เราในสิ่งที่เราได้ทำชิริก โดยที่เราไม่รู้ว่ามันเป็นชิริก หากเราได้หลงไปทำมัน ขอพระองค์ทรงอภัยโทษให้เราด้วย

 

اللَّهُمَّ إِنَّا نَعُوذُ بِكَ مِنْ أَنْ نُشْرِكَ بِكَ شَيْئًا نَعْلَمُهُ، وَنَسْتَغْفِرُكَ لِـمَا لا نَعْلَمُ

 

           นี่ก็คือ ดุอาอ์ที่ท่านนบีของเราสอนเราให้อ่าน ให้ขอต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพื่อป้องกันการทำชิริก และป้องกันการริยาอ์หรือการโอ้อวดที่มันจะเข้ามาแอบแฝงอยู่ในความคิด คำพูด หรือการกระทำของเรา ก็ขอให้เราได้ขอดุอาอ์นี้อยู่เสมอ ๆ เพื่อป้องกันการทำชิริกทั้งใหญ่และเล็ก

 

 

 

( คุฏบะฮฺวันศุกร์ มัสญิดดารุลอิหฺซาน บางอ้อ )