อย่าให้ชีฮะห์หลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เรียบเรียงโดย อิสมาอีล กอเซ็ม
الحمد لله رب العالمين
ความขัดแย้งระหว่างนิกายชีอะฮ์และซุนนีถือเป็นประเด็นที่มีความซับซ้อนและยาวนานในประวัติศาสตร์อิสลาม โดยเฉพาะในพื้นที่ตะวันออกกลางและอิหร่าน ความขัดแย้งนี้สะท้อนผ่านเหตุการณ์ทางการเมือง สงคราม และการแบ่งแยกทางสังคม ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา สถานการณ์ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านตึงเครียดมากขึ้น หลังจากที่อิสราเอลตัดสินใจโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของอิหร่าน และได้รับการตอบโต้ด้วยความรุนแรงจากอิหร่านเอง ความขัดแย้งนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าอิสราเอลมองว่าอิหร่านคือภัยคุกคามความมั่นคงหลักในภูมิภาค ในขณะที่ในอดีตภัยคุกคามหลักถูกมองว่าเป็นกลุ่มอามาสและฮิซบุลลอฮ์
บทเรียนจากประวัติศาสตร์: การทรยศและความขัดแย้งภายในกลุ่มมุสลิม
♦ การลอบสังหารท่านอุษมานและบทบาทของอิบนุ ซาบาฮ์
หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่ความแตกแยกในหมู่มุสลิม คือการลอบสังหารเคาะลีฟะฮ์ท่านที่สาม ท่านอุษมาน อิบนุอัฟฟาน ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ โดยได้รับการปลุกปั่นและยุยงจากอิบนุ ซะบาฮ์ ผู้ที่ถูกมองว่าเป็นผู้วางแผนบ่อนทำลายอิสลามจากภายใน เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความแตกแยกครั้งใหญ่ในชุมชนมุสลิม และเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตัวของกลุ่มชีอะฮ์ในลักษณะที่แตกต่างจากอะฮฺลุซซุนนะฮ์
♦ การเสียชีวิตของท่านฮุเซนและการทรยศของกลุ่มชีอะฮ์ในกูฟะฮ์
โศกนาฏกรรมที่กัรบะลาอ์ เป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญของประวัติศาสตร์อิสลาม เมื่อท่านฮุเซน อิบนุ อะลี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ถูกล้อมและสังหารโดยกองทัพยะซีด แม้ว่ากลุ่มชาวเมืองกูฟะฮ์ที่ส่งจดหมายเชิญชวนให้ท่านเดินทางไปจะเป็นกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "ชีอะฮ์" แต่กลับนิ่งเฉยและทรยศไม่ช่วยเหลือท่าน ผลพวงนี้ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์หนักจากนักวิชาการอะฮฺลุซซุนนะฮ์ถึงความผิดพลาดและการหลอกลวงของกลุ่มชีอะฮ์ในช่วงเวลานั้น
♦ การสังหารท่านฮุมัรโดยกลุ่มมายูซีย์และการชื่นชมจากชีอะฮ์
ท่านอุมัร อิบนุลคอตต็อบ หนึ่งในศอฮาบะฮ์ที่ซื่อสัตย์ ถูกสังหารโดยกลุ่มมายูซีย์ อาบูลุฮๆ คือในบางช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ กลุ่มชีอะฮ์ได้แสดงความชื่นชมต่อผู้ที่สังหารท่าน ซึ่งสะท้อนถึงความขัดแย้งและความเกลียดชังที่มีต่อกลุ่มอะฮฺลุซซุนนะฮ์อย่างลึกซึ้ง
♦ อิบนุ อัลกอมีย์: การทรยศและการชักจูงมองโกล
อิบนุ อัลกอมีย์ เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการทรยศต่อเคาะลีฟะฮ์ของรัฐอิสลามในยุคนั้น โดยชักจูงจักรวรรดิมองโกลให้เข้ามาทำสงครามกับมุสลิม ส่งผลให้รัฐอิสลามเผชิญกับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง การกระทำของเขาถือเป็นตัวอย่างของความขัดแย้งภายในและการแบ่งแยกที่ทำลายความเป็นเอกภาพของประชาชาติอิสลาม โดยเขายังถือเป็นสมาชิกกลุ่มชีอะฮ์ราชวงศ์อับบาซีย์ (750–1258) เป็นหนึ่งในยุคทองของอาณาจักรอิสลามที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางศาสนา วิทยาศาสตร์ และศิลปะ แต่ในช่วงปลายราชวงศ์นั้น อาณาจักรนี้ได้เผชิญกับภัยคุกคามทางทหารและการเมืองจากกองกำลังมองโกล
หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่เร่งให้เกิดการล่มสลายของราชวงศ์อับบาซีย์ คือการมีการทรยศและความไม่สมานฉันท์ภายในกลุ่มมุสลิมเอง โดยเฉพาะบทบาทของกลุ่มชีอะฮ์ที่นำโดย “อิบนู อัลกอมีย์” ผู้ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการชักจูงและร่วมมือกับกองทัพมองโกลในการโจมตีกรุงแบกแดด ศูนย์กลางของอำนาจราชวงศ์อับบาซีย์
การกระทำดังกล่าวได้ส่งผลให้ราชวงศ์อับบาซีย์ล่มสลายลงอย่างรวดเร็วในปี ค.ศ. 1258 โดยกองทัพมองโกลได้ทำลายเมืองแบกแดดอย่างราบคาบ พร้อมทั้งยุติยุคทองของอาณาจักรอิสลามในสมัยนั้น และทำให้โลกอิสลามเข้าสู่ช่วงเวลาของความแตกแยกและการฟื้นฟูที่ยาวนาน
♦ ผลกระทบของการปฏิวัติอิหร่านต่อชาวซุนนี
การปฏิวัติอิหร่านในปี 1979 โดยอายะตุลลอฮ์ รูฮุลลอฮ์ โคมัยนี ซึ่งเป็นผู้นำชีอะฮ์นิกาย ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชาวซุนนีในอิหร่าน ที่เคยหวังการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกแต่กลับถูกกวาดล้างและกดขี่อย่างหนัก ชาวซุนนีถูกจำกัดสิทธิ เสรีภาพทางศาสนาและวัฒนธรรม รวมถึงเผชิญกับการปราบปรามทางการเมืองอย่างเป็นระบบ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความไม่เป็นธรรมและความรุนแรงที่เกิดจากการปกครองในนามศาสนา ซึ่งยังคงเป็นปัญหาสำคัญในภูมิภาคจนถึงปัจจุบัน
ดังนั้นนักวิชาการซุนนะห์หลายคนที่ประกาศสนับสนุนชีฮะห์ อิหร่านลองกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ อย่าประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
การรับรู้และบทเรียนจากประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชีอะฮ์ในบริบทความขัดแย้งกับอิสราเอลและชาวซุนนี
ในช่วงเวลาปัจจุบัน เราจะพบว่ามีหลายกลุ่มและบุคคลเริ่มแสดงความเห็นใจและสนับสนุนกลุ่มชีอะฮ์ที่ต่อสู้กับอิสราเอลในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในสถานการณ์ความขัดแย้งที่มีความซับซ้อน อย่างไรก็ตาม เมื่อศึกษาประวัติศาสตร์อย่างละเอียด จะเห็นได้ว่ากลุ่มชีอะฮ์ในหลายช่วงเวลาเปรียบเสมือน “งูพิษ” ที่พร้อมจะทำร้ายและก่อความเสียหายต่อชาวซุนนีอย่างต่อเนื่อง
ประวัติศาสตร์ได้บันทึกเหตุการณ์สำคัญที่แสดงถึงความขัดแย้งและการทรยศของกลุ่มชีอะฮ์ต่อผู้นำและชุมชนมุสลิมซุนนี เช่น การลอบสังหารท่านอุษมาน เคาะลีฟะฮ์ที่สาม, การสังหารท่านฮุเซนที่กัรบะลา, และการทรยศของกลุ่มชีอะฮ์ในกูฟะฮ์ รวมถึงการชักจูงศัตรูภายนอกอย่างจักรวรรดิมองโกลให้เข้าทำสงครามทำลายรัฐอิสลาม
จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ชาวซุนนีต้องตระหนักถึงบทเรียนเหล่านี้ และไม่ปล่อยให้ถูกหลอกลวงหรือถูกแบ่งแยกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะการไม่ระวังและประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม อาจทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อความมั่นคงและเอกภาพของประชาชาติอิสลามในอนาคต
ซึ่งทั้งอิสรออีล และอิหร่าน ล้วนแล้วเป็นภัยคุกคามต่อประชาติอิสลาม มีความคล้ายคลึงกันในการทำลายหลักการอิสลาม และมีเป้าหมายเดียวกันคือ ต้องการครอบครองประเทศอิสลาม