อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  16120

อัลฮัมดุลิลลาฮ์


“ ฉะนั้นแท้จริงหลังจากความยากลำบากก็จะมีความง่ายดาย  แท้จริงหลังจากความยากลำบากก็จะมีความง่ายดาย ”   (Al-Quran 94:5-6)


          อัลฮัมดุลิลลาฮ์  มุสลิมมีนเป็นห่วงยุซรอเพราะรู้ว่าผู้ที่เปลี่ยนศาสนานั้นจะประสบปัญหากับทางครอบครัวและสังคมรอบข้างเสมอ มุสลิมมีนแนะนำว่าให้อ่านอัลกุรอานและละหมาด (อ่านอัลกุรอานและละหมาด คือเสาหลักของศาสนาอิสลาม)หาหนังสือศาสนาอ่านให้เยอะ ถ้ามีเรื่องเสียใจไม่สบายใจให้ละหมาดปรึกษาอัลลอฮ์   สำหรับความคิดในการเอาชนะนั้น ยุซรอคิดว่าคนที่ชนะคือยุซรอ เพราะสามารถเอาชนะตนเอง ชนะสิ่งเลวร้ายที่อยู่ในจิตใจ ชนะความคิดโง่ๆ ที่อยู่ในสมองด้วยทางนำจากอัลลอฮ์    แต่ยุซรอไม่รู้ว่าเจ้ามารร้ายชัยฏอนจะมีวิธีมาหลอกล่อให้กลับไปแพ้หรือไม่ เพราะฉะนั้นยุซรอต้องพึ่งพา อัลลอฮ์   และรำลึกถึงพระองค์ตลอดเวลาเพราะพระองค์อัลลอฮ์   เท่านั้นคือผู้ชนะที่แท้จริง


“ โอ้ลูกเอ๋ย เจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาดและจงใช้กันให้ทำความดี และจงห้ามปรามกันให้ละเว้นความชั่ว และจงอดทนต่อสิ่งที่ประสบกับเจ้าแท้จริงนั่นคือส่วนหนึ่งจากกิจการที่หนักแน่นมั่นคง ”  (Al-Quran 31:17)


          มุสลิมมีนไม่เคยพูดโน้มน้าวถึงศาสนาอิสลาม มุสลิมมีนให้ยุซรอได้ศึกษาศาสนาด้วยตนเองและเข้าใจด้วยตนเอง ไม่ใช่รับอิสลามเพราะมีคนชักจูงอย่างที่หลายๆคนกล่าวหา  คนทั่วไปมักคิดว่าผู้ที่เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามเพราะมีการโน้มน้าวจิตใจ บังคับฝืนใจ หลอกล่อด้วยเงินทอง ทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์หรือสาบานจนต้องอยู่ในศาสนาอิสลามและไม่กลับไปศาสนาเดิมจนตาย จริงๆ แล้วศาสนาอิสลามไม่มีการบังคับให้นับถือ เพราะความเชื่อและความศรัทธานั้นไม่สามารถบังคับกันได้


         ตอนนี้ยุซรอได้รู้แล้วว่าทำไมพวกเขาถึงดีใจกันมากมายนักเมื่อรู้ว่ายุซรอเปลี่ยนศาสนา เพราะอย่างน้อยยุซรอเป็นคนหนึ่งที่มีสิทธิ์ได้เข้าสวรรค์ของพระองค์  ผู้ศรัทธาและผู้ที่ตายในสภาพที่เป็นผู้ศรัทธาทั้งหมดจะได้เข้าสวรรค์แน่นอน อินชาอัลลอฮ์


“ ไม่มีการบังคับใดๆ (ให้นับถือ) ในศาสนาอิสลาม แน่นอน ความถูกต้องได้เป็นที่กระจ่างแจ้งแล้วจากความผิด ดังนั้นผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่ออัฏ-ฏอมูต (ชัยฎอน) และศรัทธาต่ออัลลอฮ์ แล้วแน่นอนเขาได้ยึดห่วงอันมั่นคงไว้แล้ว โดยไม่มีการขาดใดๆเกิดขึ้นแก่มัน และอัลลอฮ์ นั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ ”  (Al-Quran 2:256)


          สิ่งหนึ่งที่ทำให้ยุซรอประทับใจมุสลิมมีนคือการบริจาค เพราะถ้ามุสลิมีนเห็นขอทานที่ไหนจะหาเหรียญในกระเป๋าเงินและเดินไปให้ขอทานแม้จะเดินเลยมาแล้วก็ตาม ไม่ใช่แค่เหรียญเดียวหรือสองเหรียญ ถ้าเป็นคนไทยต้องบอกว่าเป็นกำมือ ก่อนที่มุสลิมีนจะกลับประเทศมีเงินเหรียญไทยเหลืออยู่หลายร้อยบาทมุสลิมมีนให้กับยุซรอแล้วบอกว่าเมื่อเห็นขอทานและคนพิการที่ไหนให้เอาไปให้เขานะ ยุซรอเลยทำตามเจตนารมณ์


          มุสลิมีนจะสุภาพและให้เกรียติผู้หญิง แม้จะเคยชินกับการดูแลตนเองและไม่ค่อยสนใจกับการที่ผู้ชายจะให้เกรียติผู้หญิงหรือไม่เพราะเราไม่ค่อยได้รับสิ่งนี้จนเป็นเรื่องปกติ ทำให้มีความรู้สึกที่แตกต่าง ช่วงที่ยุซรอได้ไปประเทศมุสลิมมีนเห็นผู้ชายมุสลิมนั้นให้เกียรติแก่ผู้หญิงตลอดเวลา ยุซรอ “งง” มากเพราะไม่เคยเจอแบบนี้ในประเทศไทย ช่วงที่รอเปลี่ยนเครื่องบินที่ “อาบูดาบี ประเทศอิมิเรต” ผู้โดยสารจะเข้าแถวเพื่อรอขึ้นเครื่อง ยุซรอได้ต่อหลังผู้ชายมุสลิมประมาณ 2-3 คน พอพวกเขาหันมาเห็นว่ามีผู้หญิงยืนต่ออยู่ข้างหลังเขาจะบอกให้ไปยืนข้างหน้า พอไปยืนข้างหน้า ถ้ามีผู้ชายที่เห็นว่ามีผู้หญิงยืนต่อท้ายก็จะเขยิบถอยให้ผู้หญิงไปยืนข้างหน้าอีก และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในคัมภีร์อัลกุรอาน ที่สอนให้ผู้ชายให้เกียรติและเสียสละให้ผู้หญิง เพราะผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ


“อัลกุรอานนี้เป็นแสงสว่างแก่มวลมนุษย์ และเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และความเมตตาแก่หมู่ชนที่มีความเชื่อมั่น” (Al-Quran 45:20)


          ก่อนที่จะเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามนั้น เคยบอกกับตัวเองว่าฉันจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว ฉันจะต้องเข้มแข็งคนที่ร้องไห้คือคนที่อ่อนแอ แต่แล้วกลับตรงกันข้ามยุซรอร้องไห้มากกว่าเก่า ช่วงแรกนั้นจิตใจมักจะไขว้เขว ร้องไห้เพราะเสียใจที่ครอบครัวไม่เข้าใจไม่เปิดใจที่ยุซรอเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม  แต่ระยะหลังยังร้องไห้อยู่โดยเฉพาะในเวลาละหมาดเพราะซาบซึ้งในความเมตตา กรุณาของพระองค์อัลลอฮ์   และท่านนะบีมุฮัมมัด    การร้องไห้นี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ชำระล้างหัวใจของยุซรอ พร้อมทั้งทำให้หัวใจแข็งแกร่งยิ่งขึ้น  ไม่วุ่นวายสับสนและกังวลเหมือนแต่ก่อน เมื่อใดก็ตามที่ได้อ่านชีวประวัติของท่านนะบีมุฮัมมัด   น้ำตาจะไหลลงมาที่แก้มเสมอ แม้จะเป็นเรื่องที่เคยอ่านมาแล้วหลายครั้งก็ตาม


“สองดวงตาที่ไฟนรกจะไม่แตะต้องเลยคือดวงตาที่ร้องไห้เพราะความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ และดวงตาที่เฝ้าคอยปฏิบัติในหนทางของอัลลอฮ์”(บันทึกโดย : ติรมิซีย์) 


          ยุซรอมีความสุข ความสงบมากขึ้นกับศาสนาอิสลามที่เพิ่งจะค้นพบ เหมือนเป็นการค้นพบสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต เป็นสิ่งที่เราโหยหามานานแสนนาน แต่ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหน ซึ่งศาสนาของพระองค์นั้นมีค่ามากกว่าสิ่งที่อยู่ในโลกอันหลอกลวงใบนี้


“ พึงทราบเถิดว่า แท้จริงการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้มิใช่อื่นใด เว้นแต่เป็นการละเล่นและการสนุกสนานร่าเริง และเครื่องประดับและความโอ้อวดระหว่างพวกเจ้า และการแข่งขันกันสะสมในทรัพย์สินและลูกหลาน เปรียบเสมือนเช่น น้ำฝนที่การงอกเงยพืชผลยังความพอใจให้แก่กสิกร แล้วมันก็เหี่ยวแห้ง เจ้าจะเห็นมันเป็นสีเหลือง แล้วมันก็กลายเป็นเศษเป็นชิ้นแห้ง ส่วนในวันปรโลกนั้นมีการลงโทษอย่างสาหัส และมีการอภัยโทษและความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ และการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ มิใช่อื่นใดนอกจากการแสวงหาผลประโยชน์แห่งการหลอกลวงเท่านั้น ”(Al-Quran 57:20)


          ยุซรออยากตะโกนร้องบอกทุกคนถึงคุณค่าของสิ่งที่ตนเองค้นพบ อยากให้ผู้อื่นได้พบเห็นทางแห่งแสงสว่างอย่างที่ยุซรอได้เห็น ให้เขามีโอกาสที่จะใกล้ชิดพระองค์อัลลอฮ์   ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงกรุณาปราณีเสมอ อย่างที่ยุซรอได้ใกล้ชิด ให้เขารับรู้ถึงคุณค่าของสิ่งที่พระองค์ทรงประทานมาให้เป็นทางดำเนินให้กับชีวิตมนุษย์ในโลกนี้นั่นคือคัมภีร์อัลกุรอาน  ยุซรอได้อ่านคัมภีร์อัลกุรอาน  รอบที่สามแล้ว เพราะเวลาที่ได้อ่านคัมภีร์อัลกุรอาน ยิ่งทำให้จิตใจเข้มแข็งขึ้นและไม่ไขว้เขวไปตามแนวทางของชัยฏอนที่ชั่วร้าย


“ คัมภีร์(อัลกุรอาน) เราได้ประทานลงมาให้แก่เจ้าซึ่งความจำเริญ เพื่อพวกเขาจะได้พินิจ พิจารณาอายะต่างๆ ของอัลกุรอาน และเพื่อปวงผู้มีสติปัญญาจะได้ใคร่ครวญ ” (Al-Quran 38:29)


          ตอนนี้ยุซรอมีความสุขใจ ความปลาบปลื้มหัวใจที่เป็นผู้ถูกเลือกและได้รับการชี้ทางนำจากพระองค์  สำหรับพี่น้องมุสลิมทั้งหลายคงมีความสุขแบบเดียวกับยุซรอ ขอให้ทุกคนเข้มแข็งและต่อสู้กับชัยฏอนต่อไป เพื่อจะได้เข้าสวรรค์ไปด้วยกัน (อินชาอัลลอฮ์) เมื่อใดที่จุดหมายปลายทางของชีวิตอยู่ที่สวนสวรรค์ การตั้งเจตนาและการกระทำที่ดีเป็นไปเพื่ออัลลอฮ์    พระองค์จะนำไปสู่ทางที่เที่ยงตรง อัลลอฮ์   จะช่วยเหลือและปกป้องคุ้มครองบ่าวของพระองค์ตลอดเวลา


“ และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงชี้นำทาง ดังนั้นก็ไม่มีผู้ใดที่จะทำให้เขาหลงทางได้ อัลลอฮ์มิใช่เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ตอบโต้อย่างเด็ดขาดดอกหรือ ”  (Al-Quran 39:37)


          แล้วพระองค์ก็ทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องง่าย แม่ของยุซรอถึงแม้ไม่ค่อยที่จะยอมรับนักแต่ก็ไม่ต่อต้าน ทางพี่และน้องแม้ไม่ยอมที่จะรับฟังเรื่องใดๆของศาสนาอิสลามแต่พวกเขาทำทุกอย่างให้เป็นปกติ และยอมรับว่าเราได้ศรัทธาในศาสนาอิสลามและพวกเขาไม่สามารถดึงกลับไปศาสนาเดิมได้อีกต่อไปแล้ว  ยุซรอเรียกร้องให้พวกเขาศึกษาศาสนาอิสลามและหวังว่าสักวันครอบครัวของยุซรอจะเข้ารับศาสนาอิสลาม เพราะพวกเขาจะได้รับรู้ความจริงและจะยอมรับในสัจธรรม เพราะทุกคนต้องกลับไปหาพระองค์อัลลอฮ์  


“ ดังนั้น เพื่อการนี้แหละเจ้าจงเรียกร้องเชิญชวนและดำรงมั่นอยู่ในแนวทางที่เที่ยงธรรมดังที่เจ้าได้รับบัญชา และอย่าได้ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขา และจงกล่าวว่าฉันได้ศรัทธาสิ่งที่มีอยู่ในคัมภีร์ตามที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมา และฉันได้รับบัญชาให้ตัดสินระหว่างพวกท่านด้วยความเที่ยงธรรม อัลลอฮ์คือพระเจ้าของฉันและพระเจ้าของพวกท่าน(การตอบแทน)การงานของฉันก็ได้แก่ฉัน (การตอบแทน)การงานของพวกท่านก็จะได้แก่พวกท่าน ไม่มีการโต้แย้งใดๆระหว่างพวกเรากับพวกท่าน อัลลอฮ์จะทรงรวบรวมพวกเราทั้งหมด และยังพระองค์คือการกลับไป ”  (Al-Quran 42:15)


          เมื่อพระองค์ทรงรับรู้ถึงการมีเจตนาที่ดีของยุซรอ พระองค์ให้กับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ยุซรอสนับสนุนให้คนไทยทำธุรกิจการค้ากับชาติมุสลิม ให้คนไทยส่งออกสินค้าไปประเทศของมุสลิม ยุซรอรู้ว่าความคิดของไทยพุทธกับมุสลิมมักไม่ตรงกัน จึงพยายามให้คนไทยได้ทำธุรกิจกับมุสลิม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแนวความคิดของบริษัทคนไทยพุทธที่จะต้องเปลี่ยนแปลงและต้องศึกษาแนวคิดของมุสลิม เพราะพี่น้องมุสลิมที่นับถือศาสนาอิสลามเขาไม่โง่นะจะบอกให้ และได้ให้คนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ได้ไปทำงานที่ประเทศมุสลิมโดยไม่เสียค่านายหน้าแม้แต่บาทเดียว 


“ ชนเหล่านั้นพวกเขารีบเร่งประกอบความดีทั้งหลาย และพวกเขาเป็นผู้เหมาะสม สมควรเป็นผู้รุดหน้าไปก่อน ” (Al-Quran 23:61)


           แม้มันจะเป็นเพียงส่วนเสี้ยวเล็กๆ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจที่มีมูลค่ามหาศาลในประเทศไทย แต่มันคือความภูมิใจ และนี่คือการทำงานเพื่อผืนแผ่นดินไทยซึ่งเป็นผืนแผ่นดินเกิดอันเป็นที่รัก ถึงแม้ยุซรออาจไม่ได้ตายที่ผืนแผ่นดินนี้ เพราะตอนนี้หัวใจของยุซรอมอบความรักทั้งหมดให้แก่พระองค์อัลลอฮ์   และท่านนะบีมุฮัมมัด   ยุซรอรักในศาสนาอิสลามมากเหลือเกินจนทุกครั้งที่วิงวอนขอดูอาร์ จะบอกกับพระองค์เสมอว่า ขอให้ยุซรอได้ตายในผืนแผ่นดินที่มีบ้านของพระองค์และเป็นแผ่นดินเกิดของท่านนะบีมุฮัมมัด   เพราะเมื่อถึงวันที่พระองค์ให้ฟื้นคืนชีพนั้น ยุซรออยากที่จะอยู่แถวหน้าเพื่อจะได้เห็นพระองค์และท่านนะบีมุฮัมมัด    ยุซรอจะเร่งแข่งขันในการทำความดีเพื่อให้ได้อยู่ในกลุ่มชนที่จะได้เข้าสวรรค์ อินชาอัลลอฮ์ แม้จะเพิ่งเข้ามารับศาสนาอิสลามได้ไม่นานก็ตาม


 “ ดังนั้นผู้ใดตราชูของเขาหนัก ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ประสบชัยชนะ ” (Al-Quran 23: 102)


“เมื่อใดที่อัลลอฮ์รักผู้หนึ่งผู้ใดแล้ว พระองค์จะตรัสกับญิบรีลว่า ฉันได้รักคนผู้นี้แล้ว ดังนั้นเจ้าจงรักเขาด้วย ญิบรีลก็จะรักเขาผู้นั้น แล้วญิบรีลก็จะป่าวประกาศแก่มลาอิกะฮ์ทั้งหลายบนฟ้าว่า แท้จริงอัลลอฮ์ได้รักคนผู้นี้ดังนั้นพวกเจ้าก็จงรักเขาด้วย มลาอิกะฮ์ทั้งหมดก็จะรักเขา แล้วอัลลอฮ์ก็จะทรงกำหนดการตอบรับจากชาวโลกให้แก่เขา” (บันทึกโดย บุคอรีย์ และมุสลิม)

Next >>>>Click