มุสลิมะห์
  จำนวนคนเข้าชม  34232

มุสลิมะห์

 
          ยุซรอเคยสงสัยว่า “ทำไมจะต้องคลุมฮิญาบด้วย?” แต่เมื่อเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม ต้องทำตามข้อปฏิบัติที่พระองค์ทรงสั่งทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ด้วยความที่ต้องการหาเหตุผลและอยากรู้ว่าทำไมถึงต้องคลุม สตรีมุสลิมบางคนยังไม่เห็นคลุมเลย  


“ โอ้ นะบีเอ๋ย! จงกล่าวแก่บรรดาภรรยาของเจ้า และบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกเขาดึงบรรดาเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนาง นั่นเป็นการเหมาะสมกว่าที่พวกนางจะเป็นที่รู้จัก เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน และอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ ”(Al-Quran 33:59)


          เมื่อศึกษาและเปรียบเทียบกับชีวิตที่เป็นความจริงในปัจจุบันนี้ เมืองไทยมีปัญหาผู้หญิงขายบริการ(โสเภณี)มากมาย  สถานที่เปิดบริการถ้าเรียกให้ดีหน่อยก็ สถานอาบ อบ นวด การแต่งกายของเด็กวัยรุ่นผู้หญิงนิยมใส่กางเกงขาสั้น กระโปรงสั้นๆ เสื้อสายเดี่ยว รัดรูป ปล่อยผมสยาย เพราะอะไร ทำไมไม่มีใครออกมาประณามและต่อต้านกันบ้าง สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งของการก่ออาชญากรรม คดีข่มขืนและรุมโทรมผู้หญิง ซึ่งมีให้เห็นในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวัน เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเห็นผู้หญิงเป็นอะไรกันถึงได้ปล่อยให้เกิดปัญหาขึ้นมากมายขนาดนี้ สิ่งนี้หรือที่แสดงถึงสิทธิสตรีและความเท่าเทียม สิทธิแบบนี้หรือที่ผู้หญิงเรียกร้องให้เท่าเทียมบุรุษ ?  เพื่อความเท่าเทียมจึงต้องแต่งตัวเสื้อผ้าน้อยชิ้นเพื่ออวดผิวพรรณ รูปทรง ยิ่งโป๊ ยิ่งเปลือย หมายถึงยิ่งเท่าเทียมกระนั้นหรือ?


“ ลูกหลานของอาดัมเอ๋ย จงอย่าให้ชัยฏอนหลอกลวงพวกเจ้า เช่นเดียวกับที่มันได้ให้พ่อแม่ของพวกเจ้า ออกจากสวนสวรรค์มาแล้ว โดยที่มันได้ถอดเครื่องนุ่งห่ม ของเขาทั้งสองออก เพื่อให้เขาทั้งสองเห็นสิ่งน่าละอายของเขาทั้งสอง แท้จริงมันและเผ่าพันธุ์ของมันมองเห็นพวกเจ้าโดยที่พวกเจ้าไม่เห็นพวกมัน แท้จริงเราได้ให้บรรดาชัยฏอนเป็นเพื่อนกับบรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธา ” (Al-Quran 7:27)


          ผู้หญิงมุสลิม (มุสลิมะห์)ที่แต่งตัวปกปิดมิดชิด คลุมฮิญาบ ผู้คนกลับมองด้วยสายตาที่ระแวดระวังและไม่ไว้ใจ คิดบ้างหรือไม่มุสลิมะห์ที่ปกปิดมิดชิดเขาได้ช่วยเหลือสังคมมิให้เกิดการทำบาปมากขึ้น แต่สิ่งที่สังคมมองกลับกลายเป็นความน่ากลัว ความผิดที่ต้องจับตา ยุซรอขับรถยนต์ผ่านหน้าร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง เห็นเด็กวัยรุ่นหน้าตาดีแต่งตัวชุดนุ่งน้อยห่มน้อยนั่งอยู่หน้าร้านเพื่อรอลูกค้า  เห็นแล้วสะท้อนใจและให้คิดต่อว่าต่อไปประเทศชาติจะเป็นอย่างไร สาวๆพวกนี้ยังอยู่ในวัยเรียนระดับวิทยาลัย มหาวิทยาลัย แต่ทำไมไม่ใช้สติปัญญาและวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาให้เป็นประโยชน์ ทำไมโลกนี้ถึงได้หลอกลวงพวกเธอมากมายอย่างนี้ ทำไมผู้หญิงเหล่านี้ถึงโดนผู้ชายหลอกด้วยเงินเพียงน้อยนิดเพื่อแลกกับคุณค่าในชีวิตของเธอ เพราะผู้ที่ได้ผลประโยชน์จากพวกเธอคือผู้ชายที่ไร้ศีลธรรม ใครเป็นเจ้าของอาบ อบ นวด อันใหญ่โต ใครเป็นเจ้าของคลับบาร์ที่มีเด็กสาวนั่งอยู่หน้าร้าน ใครเป็นเจ้าถิ่นที่เรียกเก็บค่าคุ้มครอง ผู้ชายกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ทำไมพวกเธอถึงโดนหลอกง่ายอย่างนี้ 


“ โอ้ผู้ศรัทธาเอ๋ย! พวกเจ้าอย่าติดตามทางเดินของชัยฏอน และผู้ติดตามทางเดินของชัยฏอน แท้จริงมันจะใช้ให้ทำการลามก และความชั่วช้า .....” (Al-Quran 24:21)


          และบางครอบครัวตามต่างจังหวัด พ่อแม่อยากได้เงินจากลูกสาวเพื่อหาซื้อของใช้ให้ดีกว่าข้างบ้าน เพื่อสร้างบ้านให้หลังใหญ่ เพื่อหน้าตาทางสังคม และสามารถที่จะคุยโวโอ้อวดเพื่อนๆได้ โดยไม่สนใจว่าลูกสาวนั้นจะทำอาชีพอะไร จะต้องทุกข์ทรมานแค่ไหน นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเธอเหล่านั้นต้องหาเงินมาโดยวิธีง่ายๆ ในสังคมที่จอมปลอมและหลอกลวง

 
นี่คือรูปของเหล่านางที่คิดว่างามยืนโชว์สัดส่วนอยู่บนเวทีที่จัดฉากคล้ายตู้โชว์สินค้า
และพวกเธอก็ยืนแสดงท่าทางตามที่ผู้จัดการประกวดอยากให้เธอโชว์รูปลักษณ์
ซึ่งเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมและไม่สมควรจะนำมาลงให้ได้เห็นในหนังสือเล่มนี้
ผู้เขียนจึงอยากให้ผู้อ่านได้ใช้จินตนาการพร้อมกับอ่านคำบรรยายข้างล่างนี้


นี่หรือคือความสวยงามของเหล่าสตรี       

หรือมันคือสินค้าที่หาค่าไม่ได้ในตู้โชว์


นี่หรือคือศักดิ์ศรีแห่งความเท่าเทียม          

หรือมันคือการมองอย่างดูถูกเหยียดหยาม


นี่หรือคือการแสดงออกของความศิวิไลซ์    

หรือมันคือความต่ำทรามของสังคมมนุษย์


นี่หรือคือความกล้าหาญของพวกเธอ         

หรือมันคือการหมดสิ้นความไร้ยางอาย


นี่หรือคือความหมายของคำว่าเสรีภาพ      

หรือมันคือการกดขี่ บังคับ และข่มเหง


นี่หรือคือรอยยิ้มที่สวยงามของเหล่าสตรี    

หรือมันคือ การฝืนทนจนเหงือกแห้ง


นี่หรือคือความฝันอันสวยงามของเธอ       

หรือมันคือ ลมที่พัดผ่านมาในหน้าแล้งและมันก็พัดผ่านไป

เพราะหลังจากนี้ต่อไปพวกเธอก็จะหาคุณค่าอะไรไม่ได้เลย !!


          มุสลิมะห์นั้นไม่สมควรเปิดเผยความสวยงาม ไม่ควรอวดโฉมให้เป็นความสวยสาธารณะ หน้าตาและผิวพรรณของสตรีนั้นควรจะเก็บไว้ให้ผู้ที่สมควรแก่การชื่นชมนั่นคือสามีของเธอ  พวกเธอไม่ควรออกจากบ้านถ้าไม่มีความจำเป็นและไม่มีญาติไปด้วย และการออกจากบ้านเพื่อเดินเที่ยวเตร็ดเตร่ ไม่ได้มีประโยชน์อะไรนอกจากการเสียเงิน แต่ก่อนยุซรอนั้นไม่เคยอยู่ติดบ้าน ต้องออกไปเดินห้างสรรพสินค้าใช้เงินทุกวัน วันหนึ่งเฉลี่ยแล้วประมาณ 300-500 บาท เฉพาะจ่ายค่าอาหาร ค่าขนม และชอบเดินห้างหรูเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เสียเงิน ตอนนี้ ถ้าไปข้างนอกจะเกรงกลัวอันตรายต่างๆ ที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะมีแต่ข่าวข่มขืนแล้วฆ่าผู้หญิงทุกวัน ไม่มีความปลอดภัยเลย และที่สำคัญเกรงว่าจะไม่ได้ละหมาดเพราะมุสลิมต้องละหมาด 5 เวลาจึงไม่ออกไปไหนไกลและนาน เพราะต้องรีบกลับบ้านมาละหมาด ก็ห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพอันใหญ่โต มีน้อยห้างที่จัดห้องละหมาดให้มุสลิม  ทำไมไม่เห็นความสำคัญของมุสลิมนะ ?


“ และจงอยู่ในบ้านเรือนของพวกเธอ และอย่าได้โอ้อวดความงาม (ของพวกเธอ) เช่นการอวดความงาม (ของพวกสตรี) แห่งสมัยงมงายในยุคก่อน และจงดำรงการละหมาด และจ่ายซะกาต และจงภักดีต่ออัลลอฮ์ และเราะซูลของพระองค์ อัลลอฮฺเพียงแต่ต้องการที่จะขจัดความโสโครกออกไปจากพวกเจ้า  โอ้ สมาชิกของวงศ์ตระกูล(นะบี)เอ๋ย และทรง(ประสงค์)ที่จะขัดเกลาพวกเจ้าให้สะอาดบริสุทธิ์”(Al-Quran 33:33)


          ความฉลาดของมนุษย์นั้นจะเพิ่มขึ้นเมื่อเราได้ใช้เวลาอยู่คนเดียวในแต่ละวันเพื่อคิดทบทวนเรื่องต่างๆโดยไม่มีมารร้ายชัยฏอนมาหลอกล่อให้ไขว้เขว ด้วยความเมตตาจากพระองค์อัลลอฮ์   ทำให้ยุซรอมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีไม่มีความวุ่นวายสับสน ไม่มีความกังวลใดๆไม่ต้องไปโหยหาความรักจากใคร และตอนนี้ยุซรอเจอผู้ที่ค้นหามานาน ผู้ที่สามารถรับฟังได้ทุกเรื่องและไม่ต้องกลัวว่าเรื่องของเราจะไปถึงคนอื่น ยุซรอรักและศรัทธาต่ออัลลอฮ์   พระองค์อยู่ใกล้หัวใจ ยุซรอไม่ต้องไปวิ่งหาที่ไหนเพราะคนที่เรารักอยู่กับเราตลอดเวลา ยุซรอจะคุยปรึกษาเรื่องต่างๆ เมื่อถึงเวลาละหมาด ทุกอย่างฝากไว้กับพระองค์ ยุซรออยากให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ความรู้สึกที่ซาบซึ้งแห่งความศรัทธา แต่ไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกอันละเอียดอ่อนออกเป็นตัวหนังสือได้ นอกจากพวกท่านพร้อมที่จะรับความรู้สึกนี้ด้วยตนเอง


“ และพระองค์เป็นผู้สร้างสัมผัสการฟังและการเห็น และหัวใจเพื่อเข้าใจแก่พวกเจ้า แต่เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าขอบคุณ ”(Al-Quran 23:78)


“บรรดาผู้ศรัทธาและจิตใจของพวกเขาสงบด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮ์ พึงทราบเถิด ด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮ์เท่านั้น ทำให้จิตใจสงบ” (Al-Quran 13:28)


          ผู้หญิงหลายคนที่ติดการช็อปปิ้งนั้นน่าสงสารมากกว่าน่าอิจฉา ยูซรอรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้เพราะเคยเป็นแบบนั้น ความเหงา อ้างว้างไม่รู้จะไปหาใครจึงใช้เงินเพื่อซื้อความสุข เพื่อแต่งตัวสวยๆอวดโฉมในที่สาธารณะ เพื่อที่จะได้มีคนมารักโดยการโชว์รูปลักษณ์ภายนอก แต่ความรักที่ได้นั้นเป็นความรักที่จอมปลอม พวกผู้ชายเหล่านั้นรักเธอนะหรือ ไม่ใช่เลยพวกเขารักเงินและอยากได้ตัวของเธอต่างหากหละ เพราะถ้าไม่อวดให้เขารู้ว่าเธอมีอะไรบ้าง ผู้ชายแบบนั้นจะเข้ามาหาเธออย่างนั้นหรือ


“จงกินตามใจชอบ และจงนุ่งห่มตามใจชอบตราบเท่าที่ห่างจากทั้งสองนี้ คือการฟุ่มเฟือย และการเย่อหยิ่งจองหอง” (บันทึกโดย  บุคอรีย์)


          เมื่อได้รับรู้ว่าพระองค์อัลลอฮ์   นั้นเป็นห่วงมุสลิมะห์มากแค่ไหน ยุซรอเริ่มมีความรู้สึกว่าทำไมพวกเธอถึงโชคดีอย่างนี้ที่พระองค์อัลลอฮ์   ได้คุ้มครองพวกเธอตั้งแต่เริ่มเกิดมา ไม่มีศาสนาไหนที่มีข้อปฏิบัติตนให้พร้อมเสร็จตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย และยังชีวิตหลังความตาย แม้แต่เรื่องเล็กน้อยของผู้หญิงพระองค์ยังเข้าใจ แต่ในขณะที่ยุซรอมีความรู้สึกอิจฉาพวกเธอเหล่านั้น มุสลิมะห์บางคนกลับไม่ยอมรับความรักจากพระองค์ ไม่ยอมรับการปกป้องคุ้มครองจากพระองค์ พระองค์ทรงดูแลห่วงใยและรักพวกเธอมาก พวกเธอมีเพชรอยู่ในมือแต่กลับมองไม่เห็นคุณค่าของเพชร กลับปล่อยเพชรเม็ดงามให้มัวหมองไม่เจียระไนให้มันงดงามและมีค่ามากยิ่งขึ้น อาจเป็นเพราะค่านิยมตะวันตกที่เข้ามาทำให้ไขว้เขว แต่พวกเธอหารู้ไม่ว่าตอนนี้ในประเทศชาติตะวันตก มหาอำนาจทั้งหลายประชากรกลุ่มหนึ่งได้รับแสงสว่างจากพระองค์อัลลอฮ์   ศาสนาที่เติบโตเร็วที่สุดในมหาอำนาจคือศาสนาแห่งความจริง “ศาสนาอิสลาม”


“ และไม่มีสิ่งใดที่จะยับยั้งมนุษย์จากการศรัทธา เมื่อแนวทางที่ถูกต้องได้มายังพวกเขา และการขออภัยโทษต่อพระเจ้าของพวกเขา เว้นแต่จะให้เป็นแบบอย่างแต่เก่าก่อน(การลงโทษ)มายังพวกเขา หรือจะให้การลงโทษมายังพวกเขาต่อหน้าต่อตา”  (Al-Quran 18:55)


          มุสลิมะห์ทั้งหลาย ถ้าหากครอบครัวดำเนินชีวิตตามหลักคัมภีร์อัลกุรอาน จะไม่มีวันถูกทอดทิ้งให้ไปไหนมาไหนคนเดียวเป็นอันขาด พวกเธอจะได้รับการดูแลจากผู้ชายที่ไว้วางใจได้ตลอดชีวิตได้รับความคุ้มครองตลอดเวลา พระองค์ทรงให้ผู้ชายดูแลผู้หญิงเพศอ่อนแอ เมื่อเกิดมาจะได้รับการดูแลจากพ่อ เมื่อโตขึ้นจะได้รับการดูแลและช่วยเหลือจากพี่ชายหรือน้องชาย เมื่อแต่งงานสามีจะเป็นผู้ดูแล เมื่อมีลูกชายจะได้รับการดูแลจากลูกชาย ซึ่งแตกต่างกับยุซรอที่ชีวิตนี้ไม่เคยมีผู้ชายมาคุ้มครอง ต้องเดินทางด้วยตนเองต้องดูแลรักษาตนเอง อยู่อย่างหวาดระแวงถึงภัยอันตรายต่างๆ อยู่อย่างอ้างว้างและเดียวดาย ยุซรออยากจะตะโกนบอกพวกเธอเหล่านั้น โปรด!รักษาความโชคดีของเธอไว้ เพราะอย่างน้อยมีผู้หญิงคนหนึ่งที่อยาก จะมีผู้คุ้มครองแบบพวกเธอ


“ และจงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แก่บรรดามุมินะฮ์ให้พวกเธอลดสายตาของพวกเธอลงต่ำ และให้พวกเธอรักษาอวัยวะเพศของพวกเธอ และอย่าเปิดเผยเครื่องประดับของพวกเธอเว้นแต่สิ่งที่พึงเปิดเผยได้ และให้เธอปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของเธอมาถึงหน้าอกของเธอ และอย่าให้พวกเธอเปิดเผยเครื่องประดับของพวกเธอเว้นแต่แก่สามีของพวกเธอ หรือบิดาของพวกเธอ หรือบิดาสามีของพวกเธอ หรือลูกชายของพวกเธอ หรือลูกชายสามีของพวกเธอ หรือพี่ชายน้องชายของพวกเธอ หรือลูกชยของพี่ชายน้องชายของพวกเธอ หรือลูกชายของพี่สาวน้องสาวของพวกเธอ  หรือพวกผู้หญิงของพวกเธอ หรือที่มือขวาของพวกเธอครอบครอง (ทาสและทาสี) หรือคนใช้ผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกทางเพศ หรือเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องเพศสงวนของผู้หญิง และอย่าให้พวกเธอกระทืบเท้าของพวกเธอเพื่อให้ผู้อื่นรู้สิ่งที่ควรปกปิดในเครื่องประดับของพวกเธอ และพวกเจ้าทั้งหลายจงขอลุแก่โทษต่ออัลลอฮฺเถิด  โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ ” (Al-Quran 24:31)


          การคลุมฮิญาบเป็นการป้องกันให้ผู้ที่ไม่หวังดีล่วงเกินทางสายตา ป้องกันไม่ให้พวกเขาทำบาปทางสายตาและทางจิตใจ  มุสลิมะห์ที่คลุมฮิญาบจะรู้สึกปลอดภัย นี่คือความจริงที่ได้รับกับตนเองเพราะเราจะเห็นผู้หญิงที่แต่งตัวโป๊จนแทบจะเปลือย เดินตามท้องถนน ยืนตามป้ายรถเมล์ เดินเตร็ดเตร่ตามห้างสรรพสินค้าอย่างเชื่อมั่นไม่แคร์สายตาของใคร แต่ใครจะรู้ว่าในใจเธอเหล่านั้นไม่มีความเชื่อมั่นอย่างที่เธอได้แสดงออกมาภายนอกเลย พวกเธอต้องคอยระวังเวลาก้มเพราะคอเสื้อมันลึก ต้องหาอะไรมาปิดเวลานั่ง ต้องคอยสะบัดผมไม่ให้ปิดลูกตา ต้องคอยระวังเวลาเดินกลัวว่าจะหกล้ม  ต้องคอยระแวงว่ามีใครเดินตามหลังหรือเปล่า พวกเธอมีความสุขหรือ ? มีความมั่นใจอย่างนั้นหรือ ?


          ฮิญาบ หมายถึง “การปกปิด” เป็นเสมือนเครื่องมือที่ช่วยให้มุสลิมะห์รำลึกถึงอัลลอฮ์   ตลอดเวลาในทุกการกระทำ ซึ่งไม่ได้หมายถึงเครื่องแต่งกายที่ทำหน้าที่ปิดคลุมเฉพาะภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกริยามารยาท การวางตัว ความละอาย และการสำรวมจิตใจที่อยู่ภายในด้วย ทุกภาพลักษณ์ที่สะท้อนพฤติกรรมของเธอคือภาพรวมของอัลอิสลาม ผู้หญิงมุสลิมที่คลุมฮิญาบจึงไม่ใช่แค่ยอมรับผ้าผืนหนึ่งมาคลุมผมและเรือนร่าง หากแต่ต้องยอมรับหลักการทั้งหมดที่มากับผ้าผืนนี้ นั่นคือหลักการแห่งอิสลามซึ่งครอบคลุมทุกรายละเอียดของชีวิต 


“ และอย่าเดินบนแผ่นดินอย่างเย่อหยิ่ง แท้จริงเจ้าจะแยกแผ่นดินไม่ได้เลย และจะไม่บรรลุความสูงของภูเขา ทั้งหมดนั้นความเลวของมันเป็นที่รังเกียจยิ่ง ณ พระผู้เป็นเจ้าของเจ้า ”(Al-Quran 17:37-38)


          เพราะแฟชั่นที่นำเข้ามาจากต่างประเทศและแบบอย่างจาก ดารา นักร้อง นี่คือสิ่งที่ต่างประเทศยัดเยียดว่ามันคือความทันสมัย ล้ำสมัย แฟชั่นที่ต่างประเทศเป็นผู้กำหนด (น่าหัวเราะกับความโง่เขลาของเรา) การแต่งตัวแบบโชว์สัดส่วนของสตรีหรือที่เรียกว่าเซ็กซี่ แท้ที่จริงมันคือศิลปะชั้นต่ำ การสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นกลายเป็นเรื่องปกติ การโชว์รูปร่างหรือเปิดเผยบางส่วนของอวัยวะที่พึงสงวนกลายเป็นเรื่องธรรมดา นี่คือความตกต่ำของสังคม อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเธอได้เจอะเจอผู้ชายไร้ศีลธรรม โอ้ ! สตรี ผู้น่าสงสาร


“แท้จริงบรรดาผู้ที่สุรุ่ยสุร่ายนั้นเป็นพวกพ้องของเหล่าชัยฏอน และชัยฏอนนั้นเนรคุณต่อพระเจ้าของมัน” (Al-Quran 17:27)


          ในเดือนแรกนั้นยูซรอยังไม่กล้าที่จะคลุมฮิญาบ และเห็นมุสลิมะห์คลุมฮิญาบกันหลากหลายสีผืนเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ยังคิดเลยว่าจะคลุมผ้าสีอะไรดีนะเลยเริ่มที่จะศึกษาเฉพาะฮิญาบ ซื้อหนังสือมาอ่านและได้รับแจกมาจากกลุ่มมุสลิมะห์ที่คลุมฮิญาบแบบปิดหน้า เมื่ออ่านและศึกษาแล้วทำให้พบว่า เงื่อนไขของฮิญาบนั้นต้องคลุมผมให้มิดชิดและยาวปิดลงมาให้เลยหน้าอก สีสันไม่ดึงดูดสายตา ไม่โปร่งบาง ไม่ประดับประดาให้โดดเด่น โดยมี 2 ทรรศนะ ได้แก่ ทัศนะแรกอนุญาตให้เปิดเผยเฉพาะใบหน้าและฝ่ามือ เท้าต้องสวมถุงเท้าปกปิดด้วย และทรรศนะที่สองให้ปกปิดทุกส่วนเว้นเพียงดวงตาหรือปิดดวงตา  ถ้าผู้หญิงที่มีความสวยงามเป็นที่สะดุดตาของคนทั่วไปแล้ว ความเห็นของนักวิชาการเป็นเอกฉันท์ให้เธอต้องปกปิดทุกส่วนของนางหรือไม่อนุญาตให้เปิดเผยทั้งใบหน้าหรือฝ่ามือในที่สาธารณะเลย เพราะความสวยงามของเธอจะเกิดอันตรายแก่เธอเองได้  เหตุผลในการคลุมฮิญาบเพื่อต้องการหลีกเลี่ยงการรบกวนจากบุคคลภายนอก แต่สิ่งที่ยุซรอเห็นคือพี่น้องมุสลิมะห์บางคนสวมฮิญาบสีสันสดใสสะดุดตาเหลือเกิน ปักเลื่อมระยิบระยับ จนบางครั้งเรายังหันไปมองเลย แล้วแบบนี้จะเรียกว่าฮิญาบได้อย่างไร?


           หลังจากนั้นยุซรอจึงเริ่มหาฮิญาบให้กับตนเอง สีดำ สีขาว สีเทา และสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสีที่ทำให้แลดูเรียบร้อย สง่า ภูมิฐานและไม่เป็นที่สะดุดตา ยุซรอจึงได้จัดเตรียมฮิญาบไว้ แค่รอเวลาความกล้าและความพร้อมกว่านี้เพราะหากจะคลุมฮิญาบจะคลุมตลอดไม่อยากจะเป็นประเภทเดี๋ยวใส่เดี๋ยวถอด เวลาผ่านพ้นไปสองเดือนก็ยังไม่ได้คลุมฮิญาบเวลาออกนอกบ้านเริ่มมีความรู้สึกว่ากำลังทำผิดอะไรสักอย่างต่อพระองค์ แค่สองเดือนเองยังไม่จำเป็นต้องคลุมหรอก !


“ อย่ากล่าวเกี่ยวกับสิ่งใดว่า แท้จริงฉันจะเป็นผู้ทำสิ่งนั้นในวันพรุ่งนี้ เว้นแต่อัลลอฮ์ทรงประสงค์ จงรำลึกถึงพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าเมื่อเจ้าลืม และจงกล่าวว่า บางทีพระผู้เป็นเจ้าของฉันจะทรงชี้แนะทางที่ถูกต้อง ที่ใกล้กว่านี้แก่ฉัน” (Al-Quran 18:23-24)


          ยุซรอขับรถยนต์ผ่านซอยแถวบ้านเห็นแม่ที่เป็นมุสลิมะห์ใส่ฮิญาบผืนใหญ่สีดำ ขับรถมอเตอร์ไซร์ออกมาส่งลูกสาวไปเรียนมหาวิทยาลัย ส่วนลูกสาวแต่งตัวตามแฟชั่นมหาลัย เสื้อตัวเล็กกระโปรงสั้น ปล่อยผมสยาย นี่นะหรือมุสลิมะห์! นี่หรือมุสลิมะห์ที่มีแบบอย่างที่ดีแต่ไม่กล้าที่จะปฏิบัติตามแบบอย่างของผู้ให้กำเนิด ไม่กล้าที่จะปฎิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮ์   เขาเป็นแต่เพียงผู้หญิงที่กล่าวว่าตนเองนับถือศาสนาอิสลาม  เพราะมุสลิมะห์หมายถึงผู้ที่น้อมยอมจำนนตามคำบัญชาโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ฮิญาบคือคำสั่งใช้ที่มาจากพระองค์อัลลอฮ์   โดยตรงและถูกระบุไว้ในอัลกุรอานอย่างชัดแจ้ง


“และเจ้าอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้ปฎิเสธโองการทั้งหลายของอัลลอฮ์ ดังนั้นเจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน” (Al-Quran 10:95)


          ช่วงเวลาหนึ่งยุซรอได้ออกไปทำธุระใกล้บ้าน ในขณะที่นั่งรอเพื่อให้งานเสร็จในสถานที่ ที่มีผู้ชายทำงานเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ในใจมีความรู้สึกกระวนกระวาย กังวล ไม่สบายใจ เมื่อไหร่จะเสร็จเสียทีนะจะได้รีบกลับทำไมเวลาแค่นี้จึงเหมือนกับว่ามันนานเหลือเกิน นี่คือการทำบาปนะ ยิ่งอยู่นานยิ่งมีผู้ชายเห็นหน้าตาเห็นผมของเรา ยิ่งบาป ในใจคิดว่า

“ฉันเป็นอะไรไปนี่ ฉันกลัวอะไรกันนะ แล้วทำไมต้องกลัวด้วย ทำไมต้องกังวลด้วย แต่ก่อนไม่เห็นเคยเป็นอย่างนี้เลย ใครจะมองก็มองไปสิ” 

          หลังจากงานเสร็จแล้วจึงรีบกลับมาที่ห้องและได้เวลาละหมาด ช่วงละหมาดอยู่นั้นอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้จนกระทั่งละหมาดเสร็จ แล้วได้ขออภัยต่ออัลลอฮ์   ที่ยุซรอไม่กล้าคลุมฮิญาบ ร้องไห้และขออภัยต่อพระองค์เสียใจที่ทำผิด  ทำไมถึงร้องไห้เสียใจอะไรมากมายอย่างนี้นะ เสียใจที่ไม่ทำตามคำสั่งสอนของพระองค์ รู้ทั้งรู้ยังไม่กล้าที่จะคลุมฮิญาบ รู้ทั้งรู้ยังฝ่าฝืนคำสั่ง เย็นวันนั้นเลยตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ถ้าออกข้างนอกจะต้องคลุมฮิญาบอย่างแน่นอน


“พระองค์ตรัสว่า การวิงวอนของเจ้าทั้งสองถูกรับแล้ว เจ้าทั้งสองจงดำเนินตามแนวทางที่เที่ยงธรรม และอย่าปฏิบัติตามแนวทางของผู้ไม่รู้” (Al-Quran 10:89)


          วันแรกที่คลุมฮิญาบแม่ได้เข้ามาทำธุระที่กรุงเทพฯ พอแม่เห็นยุซรอคลุมฮิญาบเท่านั้นแม่ไม่พูดอะไรเลย ได้แต่นิ่งเงียบคงคิดเหมือนเดิมว่า “มันคงบ้าไปแล้ว”แต่สิ่งที่ยุซรอได้รับเมื่อเราคลุมฮิญาบคือ ความภาคภูมิใจ ความภูมิใจที่ได้เป็นมุสลิมอีกขั้นหนึ่งและรู้สึกถึงความปลอดภัย แม้สายตาที่หลายคนมองนั้นจะเป็นคนละแบบกับแต่ก่อนที่แต่งตัวตามสมัย พวกเขาจะให้ความเกรงใจมากขึ้น แม้จะมีสายตาบางคู่ที่มองแบบระแวงว่าจะมาวางระเบิดหรือเปล่านะ !
และในปัจจุบันนี้จะพบว่า ผู้ชายออกมาถ่ายแบบใส่กางเกงว่ายน้ำลงหน้าปกนิตยสาร อวดรูปโฉมเหมือนผู้หญิงไร้ยางอายทั้งหลาย โอ้...เจ้าชัยฏอนนี่ช่างร้ายกาจเสียจริง ! มันได้ทำการงานของมันให้แพร่สะพัดมากมายยิ่งนัก ขนาดผู้ชายยังกล้าออกมาเปิดเผยได้ขนาดนี้ 


“ท่านทั้งหลายจงทำให้แตกต่างจากคนมุชริก คือพึงเลี้ยงเคราให้ยาวตัดหนวดให้สั้น”(บันทึกโดย  บุคอรีย์และมุสลิม)


          มุสลิมีนต้องไว้เคราตามซุนนะฮ์ของท่านนะบี  เพื่อยืนยันถึงการเป็นมุสลิมผู้ศรัทธา ควรตัดแต่งและรักษาความสะอาดให้ดูเรียบร้อย การไว้เคราของมุสลิมีนนั้นไม่ต้องไปซื้อเพราะพระองค์ให้มาตั้งแต่เกิด และไม่จำเป็นต้องไว้ให้ยาวจนเป็นอุปสรรคต่อการทำงานแต่เพื่อเป็นการยืนหยัดในศาสนาอิสลาม เป็นการปฎิบัติตามซุนนะฮ์ ของท่านนะบีมุฮัมมัด   และท่านยังได้รับผลบุญโดยไม่ต้องเสียเงินเลย


“แท้จริงอัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่ง ได้ตรัสว่าผู้ใดเป็นศัตรูกับผู้ที่ข้ารัก แน่นอนข้าได้ประกาศสงครามกับเขาผู้นั้นแล้ว ไม่มีบ่าวของข้าคนใดที่ทำตัวเข้าใกล้กับข้าด้วยสิ่งหนึ่งที่เป็นที่รักยิ่งแก่ข้าได้กำหนดบังคับแก่เขาและบ่าวของข้ายังคงทำตัวเข้าใกล้ข้าด้วยการทำ ซุนนะฮ์ (สิ่งที่ส่งเสริม) ต่างๆจนกระทั่งข้ารักเขา แล้วเมื่อข้ารักเขาแล้ว ข้าก็เป็นหูของเขาที่เขาใช้ฟัง เป็นตาของเขาที่เขาใช้มอง เป็นมือของเขาที่เขาใช้ต่อสู้ปกป้อง และเป็นเท้าของเขาที่เขาใช้เดิน ถ้าหากเขาขอต่อข้าแน่นอนข้าก็จะให้เขา และถ้าเขาขอความคุ้มครองต่อข้า แน่นอนข้าจะให้ความคุ้มครองแก่เขา”(บันทึกโดย บุคอรีย์)
 

          สรีระของผู้หญิงนั้นดึงดูดความสนใจเพศตรงข้ามมากกว่าสรีระของผู้ชายมาตรการในการปกปิดจึงย่อมแตกต่างกัน อัลลอฮ์   ผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง ทรงมีคำสั่งอันรัดกุมถึงขอบเขตการแต่งกาย การวางตัวสำรวมตน ตลอดจนมารยาทในการใช้สายตาของมุสลิมีนในการมองสิ่งที่อาจก่อให้เกิดฟิตนะฮ์ และผลกระทบต่ออารมณ์ ความรู้สึก และการรักษาอวัยวะเพศนั้น หมายถึง การรักษาตนให้ปลอดจากการผิดประเวณี


“ และจงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แก่บรรดามุมินให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ และให้พวกเขารักษาอวัยวะเพศของพวกเขา นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ ” (Al-Quran 24:30)


           ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมมักจะสงสัยว่าทำไมพี่น้องมุสลิมจึงแต่งงานกับคนต่างศาสนาไม่ได้  ถ้าจะแต่งงานต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม  มุสลิมถ้าต้องการให้ลูกเขาเป็นมุสลิมที่ดีจะต้องแต่งงานกับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น เพราะเรามองถึงอนาคตของอิสลาม พวกเรารักศาสนามากกว่าสิ่งอื่นใด ความรักในศาสนาอิสลามนั้นยิ่งใหญ่มากกว่าความรักของคนหนุ่มสาว ที่คิดแต่เพียงว่าจะอยู่กันเพียงสองคนในโลกใบนี้  จะรักกันจนชั่วฟ้าดินสลาย แต่พอผ่านงานเลี้ยงอันใหญ่โตได้ไม่นาน ต้องจบลงด้วยคำที่เข้าใจกันง่ายๆ แต่มีความหมายลึกซึ้งว่า “เราเข้ากันไม่ได้”


“ และพวกเจ้าจงอย่าแต่งงานกับหญิงมุชริกจนกว่านางจะศรัทธา และทาสหญิงที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดีกว่าหญิงที่เป็นมุชริก แม้ว่านางจะได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม และพวกเจ้าจงอย่าได้แต่งงานกับบรรดาชายมุชริก จนกว่าพวกเขาจะศรัทธา และทาสชายที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดีกว่าชายมุชริก แม้ว่าพวกเขาจะทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม ชนเหล่านี้แหละจะชักชวนไปสู่ไฟนรก และอัลลอฮ์นั้นทรงเชิญชวนไปสู่สวรรค์ และไปสู่การอภัยโทษด้วยอนุมัติของพระองค์ และพระองค์จะทรงแจกแจงบรรดาโองการของพระองค์แก่มนุษย์ เพื่อว่าพวกเขาจะได้รำลึกกันได้ ” (Al-Quran 2:221)

Next >>>>Click